ผลประกอบการ ปี 2562 ของ บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ซึ่ง เป็น บริษัท ลูกของ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการ ต่อ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า รายได้รวม 2,332.45 ล้านบาท ลดลง 22.97 % และ กำไร 259.81 ล้านบาท กำไรลดลง 40.78 % เมื่อเปรียบเทียบปี 2561 ในปี 2562 กลุ่มธุรกิจทีวีดิจิทัลอื่น ส่วนใหญ่ มีรายได้ลดลง มีสาเหตุมาจากสภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันรุนแรง และ เม็ดเงินโฆษณาลดลง ไทย บรอดคาสติ้ง ก็มีรายได้ ลดลงน้อยกว่า กำไรที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ พบว่ามีรายได้หลัก ที่มาจากรายการได้กลุ่มธุรกิจรายการทีวี ที่รวมถึง รายได้จากค่าโฆษณาทางช่องเวิร์คพอยท์ ช่องทางสื่อออนไลน์ รายได้จากการให้เช่าเวลา และรายได้จากขายลิขสิทธิ์รายการไปต่างประเทศ ทั้งหมดนี้ลดลง
จากข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า รายได้รวมช่อง ไทย บรอดคาสติ้ง ตั้งแต่ปี 2557 มีรายได้ดังนี้ ปี 2557 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีช่องทีวีดิจิทัลเข้ามาแข่งใหม่ 24 ช่อง ปี 2557 มีรายได้ 420.43 ล้านบาท ปี 2558 รายได้ 1,707.87 ล้านบาท ปี 2559 รายได้ 2,187.78 ล้านบาท ปี 2560 รายได้สูงสุด 3,613.68 ล้านบาท และ ปี 2561 รายได้ 3,028.01 ล้านบาท ไทย บรอดคาสติ้ง มีกำไร ปีแรกในปี 2559 จำนวน 106.01 ล้านบาท และ ปี 2560 กำไร สูงสุด 933.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 780.77 ปี 2561 กำไร 279.43 ล้านบาท ไทย บรอดคาสติ้ง มีแนวโน้มกำไรทุกปีตั้งแต่ปี 2559 แต่กำไรมีแนวโน้มลดลง
ทั้งนี้บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง เป็นบริษัทที่ขอใบอนุญาตทำธุรกิจทีวีดิจิทัลกับกสทช. แต่ผลประกอบการที่แจ้งไว้กับกระทรวงพาณิชย์นั้น รวมธุรกิจอื่นๆของกลุ่มเวิร์คพอยท์ด้วย แต่รายได้จากธุรกิจทีวีดิจิทัลเป็นรายได้หลักของบริษัท
ข้อมูลจากหนังสือ 5 ปี บนเส้นทางทีวีดิจิตอล บทเรียนและการเปลี่ยนแปลงของสำนักนโยบายวิชาการกระจายเสียงและโทรทัศน์ สำนักงาน กสทช. ระบุว่า รายได้เฉพาะธุรกิจทีวีดิจิทัลช่องเวิร์คพอยท์ ทีวี ในนามบริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ที่แจ้งไว้กับสำนักงานกสทช.ในรอบปี 5 ปีที่ผ่านมานั้น มีรายงานรายได้ตั้งแต่ปี 2557 -2561 อยู่ที่ 452 ล้านบาท 1,699 ล้านบาท 2,122 ล้านบาท 3,172 ล้านบาท และ 2,626 ล้านบาท ตามลำดับ แต่ยังไม่มีการแจ้งรายได้ของปี 2562
ในภาพรวมปี 2562 ช่องเวิร์คพอยท์ มีเรตติ้ง เฉลี่ยอยู่ที่ 0.702 อยู่ในอันดับ 4 ลดลง จากเรตติ้งเฉลี่ย 0.810 ในปี 2561 ที่อยู่ในอันดับ 4 เช่นกัน บริษัท เวิร์คพอยท์ได้ แจ้งผลประกอบการปี 2562 มี รายได้ 2,835.95 ล้านบาท ลดลง 22.11% และ กำไร 159.50 ล้านบาท ลดลง 53.81 % เมื่อเปรียบเทียบปี 2561
ข้อมูลเพิ่มเติม ผลประกอบการเวิร์คพอยท์ปี 2562
https://www.tvdigitalwatch.com/performance-workpoint-year2562/
รายได้หลักของกลุ่มบริษัท เวิร์คพอยท์มาจากทั้งหมด 4 ส่วน รายได้หลักมาจากทีวีดิจิทัลเมื่อธุรกิจทีวีมีรายได้ลดลงจึงทำให้รายได้รวมของบริษัทลดลงด้วย ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และการเติบโตของช่องทางคอนเทนต์ออนไลน์ มีส่วนสำคัญทำให้มูลค่าโฆษณาในช่องทางทีวีได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน ทำให้ Home Shopping กลายเป็นทางเลือกใหม่ แต่การพึ่งพา Home Shopping อาจมีผลต่อเรตติ้งของช่องโดยรวมด้วยเช่นกันเพราะเป็นปกติที่ช่วงเวลาที่ขายของ จะมีเรตติ้งลดลงอย่างชัด จากธรรมชาติของพฤติกรรมผู้ชม ที่จะเปลี่ยนไปหาช่องใหม่ และอาจจะมีผลต่อเนื่องในระยะยาวของช่อง ที่ในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ชมจะไม่กลับมาชมรายการที่ช่อง เพราะไปถูกใจรายการช่องอื่นไปแล้ว จึงขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของแต่ละช่องด้วยว่า จะเลือกหารายได้ใหม่ หรือจะเลือกรักษาสถานะอันดับเรตติ้งของช่อง เพราะหากภาพรวมอันดับช่องลดลงมาก ก็จะมีผลต่อรายได้ และการกำหนดอัตราค่าโฆษณาในระยะยาวด้วยเช่นกัน
ราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ เคยทำสถิติราคาสูงสุดวันที่ 8 พ.ย. 2560 ที่105.50 บาท ซึ่งเป็นช่วงพีคสุดของเวิร์คพอยท์ ที่ทำเรตติ้งและรายได้โฆษณามากในช่วงนั้น หลังจากนั้นราคาหุ้นของเวิร์คพอยท์ก็ค่อยๆปรับระดับลดลงมาจนอยู่ที่ระดับ 20-30 บาท กลางปี 2562 และ 9-12 บาทต่อหุ้นในปัจจุบัน
ช่วงกลางปี 2562 เวิร์คพอยท์จัดรายการแนวใหม่ “10 Fight 10” ที่เวิร์คพอยท์ลงทุนร่วมกับ “เจ เจตริน” โดยนำคนดังมาขึ้นเวทีชกมวย แม้ว่าเรตติ้งจะไม่สูงเท่ากับรายการ The Mask Singer แต่สำหรับในปี 2562นับว่าเป็นรายการที่ทำเรตติ้งดีที่สุด เมื่อเทียบกับกลุ่มรายการใหม่ที่เวิร์คพอยท์จัดมาในช่วงปี 2562
ปัจจัยสำคัญที่สุดของคนทำทีวี คือคอนเทนต์ที่จะดึงดูดผู้ชมเข้ามารับชม สร้างเรตติ้งให้ช่อง ที่จะมีผลต่อรายได้โฆษณา ปรากฎว่าหลังจากการเติบโตสูงสุดของช่องจากรายการ The Mask Singer แล้ว ปรากฏว่ายังไม่มีรายการใหม่ๆ เข้ามาสร้างกระแสความนิยมเทียบเคียงกันได้เลย ช่วงที่ผ่านมาเหมือนเป็นช่วงที่เวิร์คพอยท์ปรับทัพหาคอนเทนต์ใหม่ อย่างไรก็ตามในช่วงนี้ ที่วงการทีวีดิจิทัลประสบปัญหาจากรายได้โฆษณาลดลง ทั้งเหตุจากปัญหาเศรษฐกิจและการแข่งขันคอนเทนต์ทางออนไลน์ ซึ่งเวิร์คพอยท์ก็ทุ่มทำคอนเทนต์ลงช่องทางออนไลน์ด้วย คงจะเป็นช่วงพิสูจน์ความสามารถผู้บริหารในการสู้ศึกครั้งนี้