กรมทรัพย์สินทางปัญญา (กรมทรัพย์ฯ) และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
ออกคำสั่งเพื่อหยุดยั้งเว็ปไซต์ที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและ
ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ออนไลน์
ผลสำรวจล่าสุดพบว่าคนไทยกว่า53%เข้าเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์หรือโหลดบิททอร์เรนต์
กรุงเทพมหานคร 7 สิงหาคม 2563 – เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เดินหน้าร่วมมือปิดกั้นเว็บไซต์ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 20(3) พร้อมออกคำสั่งให้ผู้บริการอินเตอร์เน็ต ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนชื่อโดเมนหรือทำการเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์ อื่นภายใต้คำสั่งศาลฉบับเดิม โดย ISP ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ภายใน 15 วันหากเกินระยะเวลาที่กำหนดอาจต้องระวางโทษปรับตามมาตรา 27 ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ
ขณะที่ผลการศึกษาพฤติกรรมของการบริโภคคอนเทนต์ออนไลน์ล่าสุดพบว่า คนไทยที่ดูคอนเทนต์ออนไลน์กว่าครึ่ง (53%) เข้าเว็บดูเว็บไซต์สตรีมมิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์ทั้งภาพยนตร์ ซีรี่ส์ การถ่ายทอดสดฟุตบอล หรือเวปทอร์เรนต์ต่าง ๆ
การสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากสมาคมต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์แห่งเอเชีย (CAP) และดำเนินการโดย YouGovพบว่า 43% ของผู้บริโภคใช้อุปกรณ์สตรีมมิ่งที่ผิดกฎหมาย (Illicit Streaming Device: ISD) เช่น กล่องแอนดรอยด์บ็อกซ์ผ่านระบบอินเตอร์เนตเพื่อรับชมคอนเทนต์รายการโทรทัศน์และภาพยนตร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ กล่องทีวีดังกล่าวช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงช่องรายการโทรทัศน์และภาพยนตร์แบบออนดีมานด์โดยมักมีการจ่ายค่าสมาชิกราคาถูก
ผู้บริโภคจำนวน 53% ยอมรับว่าได้เข้าดูเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์หรือทอร์เรนต์ไซต์66% ระบุว่าได้ยกเลิกการบอกรับสมาชิกบางส่วนหรือทั้งหมดของผู้ให้บริการแบบถูกลิขสิทธิ์
นายพิเศษ จียาศักดิ์ อุปนายกสมาคมทรัพย์สินทางปัญญาแห่งประเทศไทย (IPAT) ให้ความเห็นว่า
“ความเสียหายต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ไทยนั้นเป็นเรื่องที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามความเสียหายต่อผู้บริโภคหรือผู้ชมเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์เป็นแหล่งแพร่มัลแวร์และไวรัสที่มากับการรับชม เช่น สปายแวร์ผู้บริโภคที่ซื้อกล่องแอนดรอยด์ผิดกฏหมายISD หรือเข้าเว็บละเมิดลิขสิทธิ์ก็เท่ากับสนับสนุนเงินทุนให้กับกลุ่มอาชญากรรม รวมถึงอาจต้องเสียเงินและเสียเวลาไปฟรีๆ หากเว็บไซต์นั้นถูกปิดกั้น”
Neil Ganeผู้จัดการทั่วไปฝ่ายพันธมิตรต่อต้านการละเมิดลิขสิทธิ์ของ AVIA (CAP) แสดงความคิดเห็นว่า
”เราขอยกย่องกรมทรัพย์สินทางปัญญา (กรมทรัพย์ฯ) และ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำหรับความพยายามในการปิดกั้นเว็บไซต์ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งหากนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ จะนำมาซึ่งความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการหันกลับมาใช้บริการจากผู้ให้บริการที่ถูกลิขสิทธิ์ การปิดกั้นเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขัดขวางรายได้ผิดกฎหมายที่ถูกนำไปใช้ในขบวนการ อาชญากรรมเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามาตรการดังกล่าวจะประสบความสำเร็จเหมือนอย่างประเทศอินโดนีเซียที่ปริมาณการเข้าชมไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ลดลงถึง 68% ในระยะเวลาน้อยกว่า 12 เดือน”
จากการบังคับใช้มาตรการการปิดกั้นเว็บไซต์อย่างมีประสิทธิภาพทำให้อินโดนีเซียกลายเป็นผู้นำตลาดด้านการปกป้องทรัพย์สิน ทางปัญญาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่งเสริมการเติบโตของบริการที่ถูกกฎหมาย การเข้าชมเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ลดลง 68% (สิงหาคม 2562 ถึง มิถุนายน 2563) และทำให้การเข้าชมเว็บไซต์วิดีโอที่ถูกกฎหมายเพิ่มขึ้นถึง 18% ในช่วงเวลาเดียวกัน
เกี่ยวกับสมาคมอุตสาหกรรมวิดีโอเอเชีย:
สมาคมอุตสาหกรรมวิดีโอแห่งเอเชีย (AVIA) เป็นสมาคมการค้าสำหรับอุตสาหกรรมวิดีโอและระบบนิเวศในเอเชียแปซิฟิก ทำหน้าที่เพื่อทำให้อุตสาหกรรมวิดีโอแข็งแกร่งขึ้นโดยการส่งเสริมผลประโยชน์ร่วมกันของสมาชิก AVIA ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมวีดีโอเพื่อพูดคุยกับรัฐบาลทั่วทั้งภูมิภาคเพื่อนำไปสู่การต่อสู้กับการละเมิดลิขสิทธิ์วิดีโอ รวมถึงให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมผ่านรายงานและการประชุมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมวิดีโอ