บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ผู้บริหารช่องทีวีดิจิทัลช่องเวิร์คพอยท์ ได้แจ้ง ผลประกอบการไตรมาส 3/2561 ต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยสรุปคือทั้งรายได้และกำไรลดลง โดยมีกำไรรวมอยู่ที่ 141.54 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของ ไตรมาส3/2560 ที่อยู่ที่ 379.98 ล้านบาท หรือมีกำไรลดลงถึง ลดลง 63% หรือ 238.44 ล้านบาท
ในส่วนของรายได้รวมในไตรมาส 3/2561 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,007.11 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,166.51 ล้านบาท หรือ 14%
สาเหตุสำคัญที่ทำได้รายได้และกำไรลดลงนั้น เกิดจากรายได้ธุรกิจทีวี และช่องทางทีวีออนไลน์ ที่รวมถึงรายได้จากค่าโฆษณาและการเช่าเวลาลดลง จึงมีรายได้ 769.78 ล้านบาท ลดลง 26% หรือวงเงิน 266.69 ล้านบาท จากรายได้ไตรมาส 3 / 2560 ที่มีรายได้รวม 1,036. 47 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ารายได้จากธุรกิจทีวีลดลง แต่เวิร์คพอยท์ก็มีแหล่งรายได้ใหม่ที่เข้ามาช่วยทำให้ภาพรวมยังคงมีกำไร จากอีเวนท์ คอนเสิร์ต และเครื่องสำอาง แบรนด์ Let Me In Beauty โดยในส่วนรายได้จากงานอีเวนท์ ในไตรมาส3/2561 มีรายได้รวม 41.55 ล้านบาทเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น 84% หรือ 18.98 ล้านบาท จากรายได้ในปี 2560 อยู่ที่ 22.57 ล้านบาท
รายได้คอนเสิร์ต หลักๆมาจาก The Rapper Concert และ คุณพระช่วย และ Wanna One World Tour In Bangkok เป็นรายได้รวม 161.94 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 93% จาก 84.03 ล้านบาทในไตรมาส3/2560
และส่วนสุดท้ายรายได้จากการขายสินค้าและบริการอื่น รวมถึง การจัดหานักแสดง การเช่าโรงละคร และ Studio Shop รวมรายได้รวมส่วนนี้อยู่ที่ 33.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.98 ล้านบาท หรือ 43% จาก 23.42 ล้านบาทในไตรมาส3/ 2560 ทั้งนี้รายได้หลักส่วนนี้ มาจากการขายเครื่องสำอาง Let Me In Beauty
ในขณะเดียวกัน เวิร์คพอยท์รายงานว่าไตรมาส 3/2561 มีต้นทุนเพิ่มขึ้น จาก การถ่ายทอดสดกีฬา โดยเฉพาะการถ่ายทอดสดกีฬาเอเชียนเกมส์ 2018, คอนเสิร์ต และการจัดละครเวที โดยเฉพาะคอนเสิร์ต Wanna One World Tour in Bangkok โดยมีต้นทุนส่วนนี้อยู่ที่ 608.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2560 ที่มีต้นทุนรวมอยู่ที่ 468.27 ล้านบาท หรือ 30%
และยังมีค่าใช้จ่ายในการบริหารรวมอยู่ที่ 210.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.12 ล้านบาท หรือ 9% จากปี 2560 ที่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ 192.49 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากค่าโปรโมทสินค้าและโฆษณาสินค้า Let Me In Beauty