ข่าวคราวรายการย้ายช่อง หนีตายจากค่าใช้จ่ายสูง โฆษณาลด มาอยู่ช่องพีพีทีวี ร้อนแรงมาอย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อรายการดังอย่าง The Voice เสียงจริงตัวจริง ที่ข้ามช่องมาออกอากาศทางพีพีทีวีเป็นครั้งแรกในปีนี้ ก็เกิดปัญหาใหม่ เรื่องลิขสิทธิ์การลงช่องทางออนไลน์ทาง AIS Play ของกลุ่มเอไอเอส จนต้องทำหนังสือเตือนให้เอไอเอสหยุดออกอากาศโดยด่วน
พีพีทีวีได้ซื้อลิขสิทธิ์รายการ The Voice มาจากกลุ่มทัลปา เป็นเวลา 3 ปี เพื่อออกอากาศ 3 รายการคือ The Voice, The Voice Kids และ The Voice Senior ตลอดทั้ง 3 ปี และได้ขายลิขสิทธิ์การออกอากาศทางช่องทางออนไลน์ให้กับ LINE TV และ YouTube เท่านั้น ทำให้ช่องทางออนไลน์ทุกระบบไม่สามารถออกอากาศได้
รายงานข่าวเปิดเผยว่า เอไอเอสได้รับหนังสือเตือนจากพีพีทีวี ให้ระงับการออกอากาศรายการ The Voice เนื่องจากละเมิดลิขสิทธิ์ แต่เอไอเอสยืนยันว่า เป็นการออกอากาศภายใต้เงื่อนไขกฎ Must Carry ของกสทช. ที่เป็นการดึงสัญญาณทีวีดิจิทัลทั้งหมดมาออกอากาศในโครงข่ายของเอไอเอส ที่ได้รับอนุญาตจากกสทช.อย่างเป็นทางการ จึงยังยืนยันที่จะออกอากาศต่อเนื่อง
ผู้บริหารของพีพีทีวีและเอไอเอสได้มีการพบปะเพื่อเจรจากันในเรื่องนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ข้อสรุป เพราะต่างฝ่ายต่างยืนอยู่ในจุดยืนของตัวเอง โดยที่เอไอเอสระบุว่า ทำตามกฎ Must Carry ในขณะที่พีพีทีวียืนตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งมีแนวโน้มว่าเรื่องนี้อาจจะไปจบลงที่ศาล
ทั้งนี้แพลทฟอร์มของ AIS Play ก็ยังเป็นช่องทางออนไลน์ที่สามารถรับชม The Voice ได้ จนถึงตอนที่ 3 ในวันที่ 3 ธ.ค.ที่ผ่านมา
สำหรับเรตติ้งของรายการ The Voice ทางช่องพีพีทีวี 3 ตอนแรกได้เรตติ้ง 0.575, 0.776 และ 0.781
ซ้ำรอยคดี บอลโลก TrueID VS AIS Play
ช่วงเทศกาลฟุตบอลโลก 2018 ค่ายทรูได้ฟ้องร้องค่ายเอไอเอส กรณีนำสัญญาณการถ่ายทอดฟุตบอลโลกไปออนแอร์ในช่องทาง AIS Play โดยที่ทรูยืนยันว่า TrueID เป็นแพลทฟอร์มออนไลน์ช่องทางเดียวที่สามารถรับชมฟุตบอลโลกได้ ซึ่งครั้งนั้นเอไอเอสยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎ Must Carry ของกสทช. ที่จำเป็นต้องนำคอนเทนต์ทุกรายการในช่องทีวีดิจิทัลออกอากาศผ่านโครงข่าย AIS Play ที่ได้รับใบอนุญาตจากกสทช.
เรื่องราวบานปลายจนค่ายทรูไปร้องศาลทรัพย์สินทางปัญญา ให้คุ้มครองฉุกเฉิน สั่งให้ AIS Play ยกเลิกออนแอร์ และทรูมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากเอไอเอสเป็นมูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญา คดียังไม่สิ้นสุดจนถึงปัจจุบัน
กฎ Must Carry คืออะไร
กฎ Must Carry ของกสทช. คือกฏที่ระบุให้ผู้ที่ใบอนุญาตกิจการทีวีทุกประเภทของกสทช.ต้องออกอากาศช่องทีวีดิจิทัลที่ตอนนี้มีอยู่ 26 ช่อง (รวมทีวีรัฐสภา) ไปเผยแพร่ในแพลทฟอร์มของตัวเองด้วย สำหรับกิจการทีวีที่เข้าข่ายนั้นคือ บรรดาทีวีดาวเทียม, เคเบิลทีวี และ IPTV ที่ปัจจุบันผู้ให้บริการเหล่านี้ปฏิบัติตามกฎ Must Carry นี้ ทำให้ผู้ชมทั่วประเทศสามารถรับชมทีวีดิจิทัลทั้งหมดได้ในทุกช่องออกอากาศ
ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของกฎ Must Carry ฉบับนี้ กสทช.ออกมาเพื่อช่วยให้คนไทยทั่วประเทศสามารถรับชมทีวีดิจิทัลทุกช่องได้ในทุกแพลทฟอร์ม ได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องรอการขยายเครือข่ายทีวีดิจิทัลที่เป็นระบบภาคพื้นดิน