เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2562 ฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช.ได้ชี้แจงกับบรรดาผู้ประกอบการโทรคมนาคมและ
ทีวีดิจิทัลเรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ตามคั่งคสช.ที่ 4/2562 วันที่ 11 เม.ย.2562 ที่ช่วยเหลือทั้งกิจการโทรคมนาคมและทีวีดิจิทัล โดยมีเนื้อความสรุปว่า ในกิจการทีวีดิจิทัล ผู้ที่จะขอคืนใบอนุญาตทีวีดิจิทัล จะต้องแจ้งหนังสือเป็นทางการต่อกสทช.ภายใน 10 พ.ค.2562 โดยที่กสทช.จะมีการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการชดเชยออกมาอีกครั้ง
ตามประกาศนี้ ทีวีดิจิทัล จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องจ่ายเงินค่าประมูลใบอนุญาตทีวี 2 งวดสุดท้าย คืองวดที่ 5-6 เป็นวงเงินรวม 13,622.4 ล้านบาท เมื่อมีการจัดประมูลคลื่นความถี่ 700 MHz ที่กสทช.คาดว่าจะประมูลภายในปีนี้ เป็นการประมูลแบบล่วงหน้า และจะมีการเริ่มจ่ายเงินจากการประมูลค่าคลื่น 700 MHz งวดแรกในเดือน ต.ค. 2563 เพื่อจะเอามาจ่ายแทนผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล
ทั้งนี้กสทช.คาดว่า ราคาค่าคลื่น 700 MHz จำนวน 45×2 MHz นี้ จะมีมูลค่ารวมประมาณ 75,000 ล้านบาท จากราคาใบอนุญาตละ 25,000 ล้านบาท จำนวน 3 ใบอนุญาต ที่ให้กับ 3 โทรคมนาคมรายเดิม ทั้ง เอไอเอส ทรู และดีแทค
อย่างไรก็ตามสำหรับทีวีช่องที่เหลือ 17 ช่อง ยังต้องมีภาระการจ่ายเงินตามคำสั่งคสช.เดิม 76/2559 ที่เป็นการผ่อนชำระ โดยมีกำหนดชำระในวันที่ 8 ส.ค. 2562 เป็นเงินรวม 3,215.2 ล้านบาท หากไม่สามารถชำระได้ จะต้องจ่ายดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี
ส่วน 3 ช่อง ได้แก่ช่อง 7 ช่องเวิร์คพอยท์ และสปริงนิวส์ ที่ได้มีการจ่ายเงินประมูลไปแล้ว ในงวดที่ 5 เป็นเงินรวม 986.6 ล้านบาท จะมีการจ่ายเงินคืนให้แต่ละช่อง โดยพิจารณาตามผลประกอบการ รายที่ผลประกอบการไม่ดีจะได้รับการพิจารณาจ่ายคืนให้ก่อน
ทั้งนี้หากเป็นตามขั้นตอนนี้ สปริงนิวส์ จะได้รับเงินคืนก่อนเป็นจำนวน 219.6 ล้านบาท ตามด้วยเวิร์คพอยท์ 395 ล้านบาท และช่อง 372 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้รับเงินสนับสนุนในการจ่ายค่าเช่าโครงข่ายหรือ MUX รวมมูลค่า 18,775 ล้านบาท ในระยะเวลา 9 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2563 เป็นต้นไป เนื่องจากมีเงินช่วยเหลือจากคำสั่งคสช.เดิมให้ความช่วยเหลือจ่ายค่า MUX ให้ไปถึงสิ้นสุดเดือนมิ.ย. 2563 ไปก่อนหน้านี้แล้ว
รวมมูลค่าการให้ความช่วยเหลือจากการไม่ต้องจ่ายค่าประมูล และค่าเช่า MUX นี้อยู่ที่ประมาณ 32,437.4 ล้านบาท
ประเดิมเงิน 431 ล้านบาท ไห้ทำเรตติ้ง
นอกจากนี้ ฐากร ยังระบุว่า กสทช.ยังได้เตรียมให้งบประมาณ 431 ล้านบาท สำหรับใช้ในการทำทีวีเรตติ้ง ตามที่ผู้ประกอบการทีวีได้ร้องขอเงินสนับสนุนจากกสทช.มาก่อนหน้านี้ โดยเป็นการทำตามแนวทางคำสั่งคสช.ฉบับล่าสุด ที่ระบุว่า เมื่อผู้รับใบอนุญาตทุกราย มีการรวมตัวกันจัดตั้งองค์กรกลางเพื่อจัดทำเรตติ้ง
