สถานการณ์ล่าสุดของทีวีดิจิทัลยังต้องสู้นัก เพราะหลายที่ยังขาดทุน แต่ก็ต้องพยายามหารายได้อื่นมาชดเชย อย่างล่าสุด จากข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุดของ อสมท ที่แจ้งถึงการเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมทุน พัฒนาที่ดินที่แบ่งเป็น 2 ส่วนคือผืน 50 ไร่ และ 20 ไร่ที่เป็นที่ทำการของอสมทปัจจุบัน ย่านรัชดา–พระราม 9
ถือเป็นการขยับครั้งสำคัญของอสมท ท่ามกลางสื่อที่เจอสภาพแข่งขันทั้งแข่งขันกับตัวเอง เพื่อให้ทันกับความต้องการของผู้รับสาร และแข่งขันกับคู่แข่งที่มีจำนวนมาก โดยเฉพาะทีวีที่มีจำนวนช่องให้เลือกมากมาย
กว่าจะถึงวันนี้ที่ต้องนำที่ดินมาพัฒนาหารายได้เสริมนั้น เพราะชัดเจนว่า ผลประกอบการของ อสมท ที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ไทย ในช่วงตั้งแต่ปี 2558 จนถึงล่าสุดไตรมาส 3 ของปี 2561 ปรากฎตัวเลขรายได้ลดลง และจากกำไรกลายเป็นขาดทุน
โดยปี 2558 มีรายได้ 3,840.19 ล้านบาท กำไร 57.81 ล้านบาท ปี 2559 รายได้ 2,830.38 ล้านบาท ขาดทุน 734.89 ล้านบาท ปี 2560 รายได้ 2,736.45 ล้านบาท ขาดทุน 2,542.35 ล้านบาท และ ณ ไตรมาส 3 ปี 2561 รายได้ 1,820.97 ล้านบาท ขาดทุน 385.62 ล้านบาท ซึ่งต้องลุ้นต่อว่าการประกาศผลประกอบการทั้งปี 2561 นั้นจะเป็นอย่างไร
รายละเอียดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 พบว่ารายได้จากทีวีลดลง 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ลงมาใกล้เคียงกับวิทยุ ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 21%
แม้จะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ผู้ถือหุ้นใหญ่ของอสมท คือรัฐผ่านกระทรวงการคลัง ที่มีหุ้นอยู่ 65.80% รองลงมาคือธนาคารออมสิน สำนักงานประกันสังคม รองลงมาเป็นกลุ่มบุคคลต่าง ๆ
เมื่อแข่งขันสูง รายได้หาลำบาก นอกจากลดค่าใช้จ่ายแล้ว อะไรที่นำมาทำประโยชน์ได้ก็เร่งทำอย่างที่ นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าในข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการนำที่ดินมาให้เอกชนร่วมทุนพัฒนาสรุปได้ว่าเป็นการนำทรัพยากรที่มีอยู่มาพัฒนาและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด