บริษัท ดีเอ็น บรอดคาสต์ ซึ่งของกลุ่มเดลินิวส์ ซึ่งรับใบอนุญาตทีวีดิจทัลหมวดข่าวสารและสาระ ในปี 2563 ยังบริหารงานโดยกลุ่มครอบครัว เหตระกูล ก่อนที่กลุ่ม JKN ของ “แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ จะเข้ามาเทคโอเวอร์ เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทเจเคเอ็น เบสท์ ไลฟ์ จำกัดและเปลี่ยนชื่อจาก NEW 18 เป็น JKN 18 โดยในวันที่ 9 เมษายน เจเคเอ็นได้เข้าซื้อกิจการช่องนิว 18 จากนั้นได้ปรับปรุงผังรายการของช่องใหม่ ก่อนจะเริ่มออกอากาศรายการในผังใหม่เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม และเปลี่ยนชื่อสถานีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2564
รายงานผลประกอบการปี 2563 ของบริษัทที่ยังเป็นการบริหารงานจากกลุ่มผู้ถือหุ้นดั้งเดิม ที่รายการต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า รายได้รวม 197.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.72 % และ ขาดทุน 238.34 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 10.82 % เมื่อเปรียบเทียบปี 2562 ในปี 2563 กลุ่มธุรกิจทีวีดิจิทัลอื่น ส่วนใหญ่ มีรายได้ลดลง มีสาเหตุมาจากสภาวะเศรษฐกิจ จากผลกระทบของ COVID-19 และ เม็ดเงินโฆษณาลดลง แต่ช่อง 18 ก็มีรายได้ เพิ่มมากขึ้น ขาดทุนสุทธิลดลง นับเป็นการขาดทุนน้อยที่สุดตั้งแต่ปี 2557 ปี ซึ่งเป็นปีแรกที่มีช่องทีวีดิจิทัล ช่อง 18 สามารถควบคุม ค่าใช้จ่าย และ ต้นทุนได้ดี โดย ลดไป 21.74 %
จากข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า รายได้รวมช่อง 18 ตั้งแต่ปี 2557 มีรายได้ดังนี้ ปี 2557 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีช่องทีวีดิจิทัลเข้ามาแข่งใหม่ 24 ช่อง ปี 2557 มีรายได้ 14.20 ล้านบาท ปี 2558 รายได้ 75.21 ล้านบาท ปี 2559 รายได้ 84.25 ล้านบาท ปี 2560 รายได้ สูงสุด 124.30 ล้านบาท ปี 2561 รายได้ 117.63 ล้านบาทและ ปี 2562 รายได้ 120.20 ล้านบาท ช่อง 18 ยังไม่เคยมีกำไร ตั้งแต่ปี 2557 โดยขาดทุนสูงสุด ในปี 2558 ขาดทุน 741.15 ล้านบาท และขาดทุนลดลง มาทุกปี หลังจากนั้น ช่อง 18 แนวโน้มการขาดทุนคงที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามในรอบ 7 ปี ของช่อง 18 ขาดทุนสะสม ถึง 3,172.35 ล้านบาท
ตารางเรตติ้งปี 2562 กับ 2563
เรตติ้งทีวีดิจิทัล ประจำปี 2563 : เปลี่ยนผ่านปีชวด ยุคโควิด เข้าสู่ปีฉลู ต้องสู้เพื่อรอด – TV Digital Watch
เรตติ้งทีวีดิจิทัล ประจำปี 2563 : เปลี่ยนผ่านปีชวด ยุคโควิด เข้าสู่ปีฉลู ต้องสู้เพื่อรอด
6 ปี ภายใต้การบริหารของกลุ่มผู้ถื