บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ แจ้งผลประกอบการของ ไตรมาส 2 /2563 ต่อตลาดหลักทรัพย์ พบว่า รายได้รวมของบริษัท อยู่ที่930.4 ล้านบาท ลดลง 530.52 ล้านบาท หรือ 36.32 % เมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,460.92 ล้านบาท โดยกลุ่มรายได้จากการให้บริการลดลงมากที่สุด มีสาเหตุมาจากการงดจัดกิจกรรมและคอนเสิร์ตตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ในไตรมาส 2 มีการชะลอตัวลง
รายได้จากค่าลิขสิทธิ์ที่ 305.57 ล้านบาท ลดลง 98.37 ล้านบาท หรือ 24.91% เมื่อเทียบกับปี 2562 ส่วนรายได้จากการขายสินค้า ที่มีสัดส่วน 46 % ของรายได้ทั้งหมด ลดลง 83.49 ล้านบาท หรือ 16.52 % เมื่อเทียบกับปี 2562(รายได้จากการขายสินค้า ประกอบไปด้วย การจําหน่ายสินค้าเพลงที่ อยู่ในรูป Physical productและ ดิจิทัลมิวสิค, ธุรกิจบริหารศิลปิน ธุรกิจจัดจําหน่ายสินค้าโฮม ช้อปปิ้งและธุรกิจจัดจําหน่ายกล่องรับสัญญาณทีวี )
กำไรสุทธิบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ไตรมาส 2 /2563 อยู่ที่ 7.49 ล้านบาท ลดลง 60.32 ล้านบาท หรือ 88.91% จาก ไตรมาส 2 / 2562 จาก มีสาเหตุมาจากจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจสั่งซื้อสินค้า ทำให้กระทบรายได้รวมของธุรกิจสื่อ
ช่อง One ตกไปอยู่อันดับ 6
ทางด้านธุรกิจดิจิทัลทีวี ‘ช่อง One’ มีจุดแข็งที่รายการช่วงเวลา 18.00-20.00น. โดยละครที่ได้รับกระแสตอบรับดี “มงกุฎดอกหญ้า” “รัก 10 ล้อรอ 10 โมง” ส่วนรายการประเภท วาไรตี้ซิทคอม ที่ได้รับความนิยม เช่น “รายการดวลเพลงชิงทุน” “เดอะโกลเด้น ซอง 2” “รู้ ไหมใคร โสด” แต่รายการช่วงไพรม์ไทม์หลัง 2 ทุ่ม ยังไม่มีรายการเด่น ที่ได้รับความนิยมสูงเท่าช่วงก่อน 2 ทุ่ม โดยมีเรตติ้งเฉลี่ย 6 เดือนแรกอยู่ที่อันดับ 6 เรตติ้งเฉลี่ย 0.578 ส่วนเรตติ้งเฉลี่ยช่อง One ในเดือนมิ.ย.63 เดือนสุดท้ายของไตรมาส 2 อยู่ที่อันดับ 7 เรตติ้งเฉลี่ย 0.568 เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ช่อง One เริ่มปรับรายการใหม่ลงผังในช่วงไพรม์ไทม์หลัง 2 ทุ่ม ตั้งแต่เดือน ส.ค.เป็นต้นมา รวมทั้งวางแผนจัดละครใหม่ จากผู้ผลิตค่าย “พอดีคำ” ที่ย้ายมาจากช่อง 7 ลงผังในช่วงปลายไตรมาส 3 นี้ น่าจับตาว่าจะประสบความสำเร็จได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นหรือไม่
ทั้งนี้บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ รายงานว่า ครึ่งปีหลัง 2563 นี้ สถานะการน่าจะดีขึ้นจาก การที่ภาครัฐประกาศผ่อนคลาย การจัดกิจกรรมงานอีเวนต์ และงานแสดง ดนตรีคอนเสิร์ต คาดว่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ บริษัทฯ สามารถดําเนินธุรกิจได้ตามปกติ