บริษัท บีอีซี เวิลด์ หรือกลุ่มช่อง 3 แจ้งผลประกอบการของ ไตรมาส 2 และรวมครึ่งปีแรกของ ปี 2565 ต่อตลาดหลักทรัพย์เมื่อเร็วๆนี้ ที่น่าสนใจพบว่า รายได้ไตรมาส 2 และรายได้ครึ่งปีแรกลดลง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจาก รายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ และการรับชมคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มดิจิทัลลดลงมาก
ภาพรวมตัวเลขรายได้รวมในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1,348.3 ล้านบาท ลดลง 156.5 ล้านบาท หรือ 10.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2564 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,504.7 ล้านบาท
ส่วนรายได้รวมครึ่งปีแรก 2.589.1 ล้านบาท ลดลง 8% จาก 2,812.9 ล้านบาทของครึ่งแรกปี 2564
รายได้หลักของ BEC เป็นรายได้จากธุรกิจโฆษณา ซึ่งไตรมาส 2 รายได้โฆษณาอยู่ที่ 1,179.4 ล้านบาท ลดลง 42.9 ล้านบาท หรือ 3.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2564 ที่มีรายได้ส่วนนี้ที่ 1,222.3 ล้านบาท ซึ่งรายได้โฆษณาเป็นรายได้ที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 87.5% ของรายได้รวม
ในขณะที่รายได้โฆษณาครึ่งแรกของปี 2565 อยู่ที่ 2,275.4 ล้านบาท ลดลง 5.1 % จาก 2,396.8 ล้านบาทของครึ่งแรกปี 2564
ทั้งนี้ BEC ชี้แจงว่า การลดลงของรายได้มาจากอัตราเงินเฟ้อมีการขยับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายน 2565 ที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงถึง 7.66% หรือสูงสุดในรอบ 13 ปี และส่งผลต่อกําลังซื้อของผู้บริโภค และทําให้ผู้ลงโฆษณาชะลอใช้งบโฆษณาทางโทรทัศน์ สวนทางกับ นีลเส็น มีเดีย รีเสิร์ช รายงานมูลค่าการใช้จ่ายของกลุ่มโทรทัศน์ (“TV”) รวม (TV + Cable/Satellite TV) ในไตรมาสที่ 2/2565 อยู่ที่ 16,743 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2/2564 และเพิ่มขึ้น 11.6.% จากไตรมาส 1/2565
รายได้ดิจิทัลแพลตฟอร์มลดฮวบ
แต่เมื่อลงลึกในรายละเอียดโครงสร้างรายได้พบว่า รายได้อันดับ 2 ของบริษัทจากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ และรายได้จากการรับชมคอนเทนต์ในช่องทางแพลตฟอร์มต่างของบริษัทลดลงมาก
รายได้จากการรับชมคอนเทนต์บนดิจิทัลแพลตฟอร์มในไตรมาส 2 ปีนี้อยู่ที่ 97.4 ล้านบาท ลดลง 48.4% จาก 189 ล้านบาทในปี 64
ส่วนรายได้ครึ่งแรก รวม 184.9ล้านบาท ลดลง 34.3% จาก 281.3 ล้านบาทในปี 64
ทั้งนี้สาเหตุหลักมาจากการที่กลุ่มช่อง 3 เริ่มนโยบายให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มตัวเอง Ch3Plus จึงตัดคอนเทนต์ละครเรื่องที่ได้รับความนิยมอยู่ใน Youtube ให้รับชมได้เพียงตอนที่ 1-5 เท่านั้น ตอนต่อไปจากนั้นต้องไปรับชมที่เว็บไซต์และแอปพลิเคชัน Ch3Plus เท่านั้น ทำให้รายได้จากช่องทาง Youtube ลดลง
ในขณะที่ข้อมูลสมาชิก Ch3Plus ล่าสุด เดือนก.ค.มีผู้เข้าชมที่ 10.6 ล้านคน เป็นสมาชิก 3+ ประมาณ 5 ล้านคน แต่สมาชิกแบบ Premium ที่ต้องจ่ายเงินค่าสมาชิกรายเดือนประมาณ 1.28 แสนราย แต่เป็นยอดสมาชิก Premium แบบ active เพียง 4.1 หมื่นรายเท่านั้น
อย่างไรก็ตามผู้บริหาร BEC ได้ชี้แจงในการพบกับ analyst ครั้งล่าสุดวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมานี้ เชื่อว่ารายได้ส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังนี้
ในขณะที่รายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ละครไปต่างประเทศ ให้กับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Netflix VIU ไตรมาส 2 อยู่ที่ 65.6 ล้านบาทลดลง 23.2% จาก 85.4 ล้านบาทในปี 2564
ส่วนตัวเลขครึ่งปีแรก รวมรายได้ส่วนนี้ 119.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.5% จาก 119.2 ล้านบาท
ซึ่งผู้บริหาร BEC ชี้แจงว่า รายได้จากการขายลิขสิทธิ์ละครนี้จะเพิ่มมากขึ้นในครึ่งปีหลังนี้เช่นกัน โดยตั้งเป้าหมายว่ารายได้จากลิขสิทธิ์และดิจิทัลแพลตฟอร์มรวมกันปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามตัวเลขรายได้รวมจากลิขสิทธิ์และดิจิทัลในครึ่งแรกของปีในส่วนนี้มีแค่ 313.7 ล้านบาทเท่านั้น โดยเป็นตัวเลขรายได้ในไตรมาส 2 ที่ อยู่ที่ 168.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นรายได้ 12.5% ของรายได้รวม
เท่ากับว่าครึ่งปีหลังบริษัทตั้งเป้ารายได้ส่วนนี้ถึง 700 ล้านบาทเลยทีเดียว
โดยสรุปรวมจากผลประกอบการไตรมาส 2 ปีนี้ BEC มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 173.1 ล้านบาท ลดลง 6.3% จาก ไตรมาส 2 ปี 2564 ที่มีกำไร 184.7 ล้านบาท และตัวเลขกำไรรวมครึ่งปีแรก อยู่ที่ 346.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 64 ที่มีกำไร 323.5 ล้านบาท
(ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ผลประกอบการ BEC ไตรมาสแรก/65)