“Voice TV” ช่องข่าวการเมืองเข้มข้น จากช่องทีวีดาวเทียมในยุคการบ้านการเมืองร้อนแรง ได้เข้าสู่ระบบใบอนุญาตของรัฐ ในรูปแบบทีวีดิจิทัล ที่โดนควบคุมด้วยกฏระเบียบต่างๆมากมาย แต่แล้วเมื่อคสช.ได้ออกคำสั่งม.44 ช่วยเหลือกิจการทีวีดิจิทัลและเปิดโอกาสให้ทุกช่องขอคืนใบอนุญาตได้โดยได้เงินชดเชยด้วย จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้ฝ่ายบริหารของช่อง Voice TV ตัดสินใจออกจากระบบกฎระเบียบเข้มข้น กลับสู่สภาพทีวีดาวเทียม และทีวีออนไลน์เหมือนเดิม โดยจะมีผลการยุติการออกอากาศอย่างเป็นทางการในคืนวันที่ 31 ส.ค.นี้ พร้อมเตรียมรับเงินชดเชยในวงเงิน 378 ล้านบาท
จากข้อมูลใน “หนังสือ 5 ปี บนเส้นทางทีวีดิจิตอล” ที่จัดทำโดย สำนักนโยบายและวิชาการกระจายเสียงและโทรทัศน์ สำนักงานกสทช. ได้มีการสรุปผลงานตลอดระยะเวลา 5 ปีของช่องทีวีดิจิทัลตั้งแต่เริ่มต้นประกอบกิจการในปี 2557 จนถึงสิ้นสุดปี 2561 ซึ่งในส่วนของช่อง Voice TV นั้น มีรายละเอียดรวมตั้งแต่ ข้อมูลเรตติ้ง ที่เจาะลึกลงถึงฐานผู้ชมช่อง พื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ อายุ และเพศของกลุ่มผู้ชมของช่อง รวมถึงประเภทสัดส่วนรายการของช่องที่จัดลงผังรายการในแต่ละปี และยังมีรายได้จากการประกอบกิจการของช่องในแต่ละปี ที่ได้แจ้งไว้กับสำนักงานกสทช. ดังนี้
VOICE TV : เวทีข่าวการเมือง
จุดเด่น: -ข่าวการเมือง
ช่อง VOICE TV ช่องในหมวดหมู่ข่าวสารและสาระของครอบครัว “ชินวัตร” ซึ่งเคยออกอากาศในเครือข่ายทีวีดาวเทียมและออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2552 ก่อนที่จะมาประมูลใบอนุญาตและเปิดช่องทีวีดิจิตอลในปี 2557
ช่อง VOICE TV เป็นช่องที่มีความชัดเจนในการออกอากาศตั้งแต่เริ่มต้น โดยเน้นข่าวการเมืองและ รายการวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ของบ้านเมือง อย่างไรก็ตามผังรายการของช่อง VOICE TV ยังมีรายการวาไรตี้ สารคดีท่องเที่ยว และซีรีส์ต่างประเทศ เช่นซีรีส์จีนเข้าเสริมผังด้วย
เนื่องจากมีเนื้อหารายการข่าวเป็นส่วนใหญ่ สัดส่วนรายการจึงเป็นรูปแบบรายการที่ช่องผลิตเองสูงสุดในทุกปี โดยมีสัดส่วนรายการประเภทให้เช่าเวลาออกอากาศ เป็นลำดับรองลงมา
ข้อมูลรายได้ของช่อง VOICE TV ที่แจ้งไว้กับสำนักงาน กสทช.นั้น พบว่าปีแรกมีรายได้เพียง 72 ล้านบาท เพิ่มเป็น 108 ล้านบาทในปี 2558 ค่อยๆลดลงมาเป็น 106 ล้านบาท ในปี 2559, 62 ล้านบาทในปี 2560 และ 36 ล้านบาทในปี 2561
ปี 2557 ช่อง VOICE TV เปิดตัวในระบบทีวีดิจิตอลเป็นปีแรก ทำเรตติ้งอยู่ในอันดับที่ 28 จากทีวีดิจิตอลในระบบ 28 ช่อง และยังอยู่ในอันดับเดียวกันในปีถัดมา แต่ในปี 2561 ช่วงที่สถานการณ์การเมืองกำลังเริ่มเข้มข้น เนื่องจากมีการเลือกตั้งใหญ่ของประเทศในเดือนมีนาคม 2562 เรตติ้งของช่อง VOICE TV ก็เริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นมาด้วยเช่นกัน โดยเรตติ้งรายเดือนในเดือนธันวาคม 2561ของช่อง VOICE TV ได้ขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 18 แต่เรตติ้งเฉลี่ยทั้งปี 2561 อยู่ในอันดับ 21
ฐานผู้ชมช่อง VOICE TV เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิงอย่างชัดเจน พื้นที่ที่เป็นฐานผู้ชมหลักของช่อง VOICE TV อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล และภาคเหนือ โดยมีภาคใต้เป็นพื้นที่ที่รับชมช่อง VOICE TV น้อยที่สุด
รายละเอียดเพิ่มเติม https://broadcast.nbtc.go.th/data/academic/file/620700000011.pdf
นอกจากนี้ ข้อมูลผลประกอบการของบริษัท วอยซ์ทีวี จำกัด ที่ได้รายงานผลประกอบการไว้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์นั้น พบว่าตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา วอยซ์ทีวี มีผลประกอบการขาดทุนตลอด 5 ปี โดยขาดทุนในปีแรก ปี 2557 อยู่ที่ 310.13 ล้านบาท และขาดทุนสูงสุดในปี 2558 ขาดทุนเป็นจำนวน 409.20 ล้านบาท ส่วนในปี 2561 มีตัวเลขขาดทุนอยู่ที่ 352.03 ล้านบาท ในขณะที่รายได้ของบริษัทในแต่ละปีอยู่ที่ประมาณปีละ 100 กว่าล้านบาท แต่ในปี 2561 ซึ่งเป็นปีล่าสุดนั้น มีรายได้เพียง 60.53 ล้านบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การขอถอนตัวจากระบบทีวีดิจิทัลของช่องวอยซ์ทีวี มีความแตกต่างจากทีวีช่องอื่นๆ ที่ขอคืนใบอนุญาตต่อกสทช. ที่เป็นเหตุผลทางการเงิน แม้ว่าวอยซ์ทีวีมีผลการดำเนินงานทางธุรกิจขาดทุน แต่ด้วยสถานะทุนหนาของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จากตระกูล “ชินวัตร” เรื่องทางการเงินจึงไม่ใช่เหตุผลสำคัญ แต่มาจากสภาพการถูกควบคุมจากกฎระเบียบของเนื้อหาข่าวการเมืองที่ออกอากาศ เมื่อรัฐเปิดช่องทางให้เอง จึงเป็นโอกาสสำคัญที่วอยซ์ทีวีได้กลับสู่ช่องทางดั้งเดิม ที่เป็นจุดเริ่มต้นของช่องข่าวการเมืองสไตล์วอยซ์ทีวี ที่น่าจับตาว่าจะมีความเข้มข้น และร้อนแรงมากขึ้นเช่นไร
ผลประกอบการบริษัท วอยซ์ทีวี
