การแข่งขันวางรายการลงผังของแต่ละช่อง นอกจากแข่งกันที่รายการใหม่ๆ รายการเด็ดในช่วงเวลาทองของวันแล้ว ช่วงระหว่างวันกลายเป็นการวางแผนจัดรายการรีรันลงผัง โดยมีรายการหลักๆ คือ ละครไทย , วาไรตี้ และหนังดัง
รายการรีรันเป็นรายการที่ช่วยพยุงเรตติ้งของช่องได้ทั้งวัน แถมยังไม่มีต้นทุน อยู่ที่การจัดวางกลยุทธ์สู้กับคู่แข่ง เพื่อดึงเรตติ้ง
2 ช่องใหญ่ ทั้งช่อง 7 และช่อง 3 จัดละครรีรันลงแข่งกันเต็มที่ในช่วงบ่าย ด้วยละครดังที่ออกอากาศในปีที่แล้ว ของช่อง 3 ช่วงนี้ เป็นละคร “เพลิงบุญ” ส่วนช่วง 7 เป็น “ สุดรัก สุดดวงใจ” แต่ในช่วงวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา “เพลิงบุญ”ช่อง 3 ทำเรตติ้งมาสูงสุดในบรรดารายการรีรันของวัน ด้วยเรตติ้งเฉลี่ยถึง 2.272 ในขณะที่ช่อง 7 งดละครรีรัน เนื่องจากถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลอุดมศึกษา ได้เรตติ้งอยู่ที่ 0.579 ในขณะที่ปกติ ละคร “สุดรัก สุดดวงใจ” ได้เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ในระดับ 0.7-0.9
ในช่วงเช้ามีละครรีรันทั้งจากช่อง 3 ในช่วง ละครดังข้ามเวลา และละครรีรันจากช่องวัน “สาวน้อย” ส่วนช่วงเย็นในช่อง 3SD จัดละครดังของช่อง 3 ลงผัง ช่วงนี้เป็น “ปดิวรัดา” ที่ยังคงเรียกเรตติ้งได้ตลอด
ช่อง 7 มีกลยุทธ์ที่แตกต่าง ด้วยการจัดละครเย็นที่ออกอากาศในแต่ละวัน ลงรีรันทันทีหลังเที่ยงคืนของวัน ซึ่งสามารถสร้างเรตติ้งให้ช่องในช่วงดึกได้ เมื่อเทียบกับรายการของช่องอื่นๆ ด้วยละคร “เจ้าสาวช่างยนต์” ที่ได้เรตติ้งสูงสุดของแต่ละวันอยู่แล้ว โดยวันที่ 11 ก.ย.ออกอากาศในช่วงเย็นได้เรตติ้งสูงถึง 6.266
ฟากของช่องเวิร์คพอยท์ รายการวาไรตี้ ที่จัดมาลงรีรันระหว่างวัน ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ ชิงร้อยชิงล้าน ว้าว ว้าว ว้าว เรตติ้งเฉลี่ย 0.742
อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างละครกับวาไรตี้ คือ ละครสามารถจัดลงรีรันได้ต่อเนื่องไม่เกี่ยงเวลา ในขณะที่รายการวาไรตี้ ที่ส่วนใหญ่เล่นกับสถานการณ์ปัจจุบัน จะไม่สามารถนำลงรีรันย้อนหลังได้นานหลายรอบเช่นละคร