สำรวจสถานการณ์ 2 ช่องผู้ท้าชิงเบอร์ 2 : โมโน –เวิร์คพอยท์
เมื่อตอนต้นปี โมโนและเวิร์คพอยท์ เป็น 2 ช่องดาวรุ่งพุ่งแรง เป็นกลุ่มตัวเต็งว่าจะเป็นผู้ที่แซงขึ้นอันดับ 2 เหนือช่อง 3 ที่กำลังเจอสถานการณ์ทั้งเรตติ้งและรายได้ตกหนัก อยู่ในช่วงขาลงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ละครที่ออนแอร์ได้เรตติ้งไม่เป็นไปตามเป้า ทั้งๆที่จัดเต็มนักแสดงเบอร์ต้นๆ ลงติดๆกัน ไม่ว่าจะฟอร์มยักษ์ ฟอร์มใหญ่ขนาดไหน ก็แป๊กกันไปหลายๆเรื่อง
เจ้าตลาดหนังและซีรี่ส์ต่างประเทศอย่าง โมโน จึงประกาศทุ่มกว่า 800 ล้านบาท พร้อมชิงอันดับ 2 แทนที่ช่อง 3 ทันที เพราะเชื่อมั่นว่า กลยุทธ์จัดหนังฟอร์มใหญ่ ซีรี่ส์ดัง จะกระชากเรตติ้งมาจากคอละครไทย ที่ยังไม่มีเรื่องไหนโดนใจผู้ชมมากนัก
ส่วนเวิร์คพอยท์ เจ้าแห่งรายการวาไรตี้ของไทย ก็ลุยเต็มที่กับรายการใหม่ๆ ลงผังในแต่ละเดือนนับตั้งแต่ต้นปี แม้ว่าจะยังไม่มีรายการไหนโดดเด่นขึ้นมาแทนที่ The Mask Singer ได้ก็ตาม แต่ก็ยังมีรายการร้องเพลงกลุ่ม “ไมค์ทองคำ” ที่สร้างเรตติ้งให้กับช่องได้อย่างสม่ำเสมอ
สถานการณ์ในช่วงต้นปี ดูเหมือนจะไปตามแนวทางที่ทั้ง 2 ช่องวางกลยุทธ์ไว้ พร้อมลุยสู้ สลับตำแหน่งอันดับ 3 และ 4 กันตลอดเวลา จนกระทั่งมาเจอปรากฏการณ์ของละคร “บุพเพสันนิวาส” จากช่อง 3 ทุกอย่างเหมือนพลิกผันเป็นหนังคนละม้วนทันที เรตติ้งของช่อง 3 เริ่มทิ้งห่างจากโมโนและเวิร์คพอยท์ แถมยังขยับเข้าใกล้ช่อง 7 จนเกือบแซงช่อง 7 ได้แล้ว ในเรตติ้งประจำสัปดาห์ 12-18 มี.ค.ที่ผ่านมา
ช่อง 7 ได้เรตติ้งเฉลี่ยทั้งสัปดาห์ที่ 1.870 อยู่ในอันดับ 1 โดยมีช่อง 3 เรตติ้ง 1.805 ไล่มาติดๆ ทิ้งห่างอันดับ 3 โมโน อยู่ที่ 0.829 และเวิร์คพอยท์ เรตติ้ง 0.737
โมโน ยึดอันดับ 3 ด้วย พลังหนังฝรั่ง
จากเรตติ้งของสัปดาห์ที่แล้ว รายการที่ได้เรตติ้งสูงสุดของโมโนทั้งหมด 10 อันดับแรก เป็น พรีเมี่ยม บล็อคบัสเตอร์ ที่นำหนังฟอร์มยักษ์มาออนแอร์ในช่วงค่ำ และไพรม์ไทม์หลัง 2 ทุ่ม ทั้งหมด 9 อันดับ โดยมีรายการถ่ายทอดสด รายการมวย ท็อปคิงส์ เวิล์ดซีรี่ส์ 2018 เพียงรายการเดียวที่แทรกเข้ามาในท็อปเท็นได้
โดยเฉพาะวันไหนที่เป็นภาพยนตร์บู๊ด้วยแล้ว จะเรียกเรตติ้งจากกลุ่มผู้ชมผู้ชายได้มากขึ้นทันที
แต่เรตติ้งของหนังฟอร์มยักษ์ในท็อปเท็นนี้ มาจากช่วงค่ำ และไพรม์ไทม์ทุกวัน ยกเว้นวันพุธและพฤหัส ที่เจออิทธิฤทธิ์”ออเจ้า”เข้าไป เรตติ้งตกเช่นกัน เช่น วันพฤหัสที่ 15 มี.ค. The Prince of Persia ช่วงที่ 2 เวลาช่วงไพรม์ไทม์เรตติ้งตกลงไปเหลือเพียง 1.821
กลุ่ม “ไมค์” พยุงเวิร์คพอยท์
สำหรับเวิร์คพอยท์ ในสัปดาห์ที่แล้ว เห็นได้ชัดเจนว่า รายการ “ไมค์ทองคำ” และ “ไมค์ทองคำเด็ก” ในช่วงวันหยุด คือ 2 รายการที่สร้างเรตติ้งสูงสุด ตามมาด้วย “ไมค์หมดหนี้” ในช่วงเย็นของวันจันทร์-ศุกร์ยกชุด ที่ติดอันดับท็อปเท็นอันดับสุดท้ายคือ I can see your voice ในวันพุธ ชน”บุพเพสันนิวาส”เต็มๆ จนเรตติ้งลดเหลือเพียง 1.869
แม้กระทั่งรายการสร้างปรากฏการณ์ให้เวิรค์พอยท์เมื่อปีที่แล้ว “The Mask Singer 4” ที่ชนกับ “บุพเพสันนิวาส”ในทุกพฤหัส เรตติ้งกระทบอย่างหนักตกลงมาอยู่ที่ 1.669 อยู่ในอันดับ 17 ของช่อง
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เวิร์คพอยท์ เจ้าพ่อเกมส์โชว์ของไทย ต้องระดมสมองกันอย่างหนัก เพื่อหาทางพลิกสถานการณ์กู้เรตติ้งกลับมาด้วยรายการใหม่ๆ ที่หวังจะช่วยพลิกฟื้นคือ“The Rapper” รายการใหม่ที่จ่อลงผังในเดือนเมษายน แนวเรียลลิตี้โชว์ หาสุดยอดแร็ปเปอร์เลือดใหม่ของเมืองไทย แต่ก็ยังเป็นประเภทรายการร้องเพลง ที่ดูเหมือนเป็นแนวรายการหลักของช่องไปแล้ว
ในแวดวงวงการทีวีดิจิทัล ที่ต้องพึ่งพิงเรตติ้ง เพื่อรายได้จากค่าโฆษณา เมื่อเรตติ้งมาจากผู้ชม รีโมทในมือพร้อมปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา คอนเทนต์ใครเปรี้ยงขึ้นมา เรตติ้งก็พร้อมสวิงกลับไป-มาทันที ขึ้นอยู่กับว่า ใครจะสามารถรักษามาตรฐานสร้างความนิยมได้มากกว่ากันนั่นเอง