“กรงกรรม” ปรากฏการณ์ ละครสะท้อนสังคม สร้างทั้งกระแสและเรตติ้งโดย สวนสนาน

ละคร-ซีรีส์ วิเคราะห์เจาะเรตติง

อีกหนึ่งปรากฏการณ์ละครไทย  เมื่อ “กรงกรรม” ละครดราม่าหนัก แน่นด้วยสาระ ชาติกำเนิดไม่ใช่สิ่งกำหนดวิถีชีวิต  ชะตาและกรรมของแต่ละตัวละคร สะท้อนสังคม ความรักแทรกซึมเข้าไปในเรื่อง ทำให้เจ็บปวด ทำให้สมหวัง

ละครที่นำเสนอความรักในหลายรูปแบบ นอกจากความรักเชิงชู้สาว ยังมีรักที่ยิ่งใหญ่อย่างความรักของพ่อ แม่ ความรักของพี่น้อง รักของเพื่อนร่วมโลก  มีกลยุทธ์การวางเส้นความรักแฝงเข้าไปในเรื่อง ไม่ต้องมีบทรักจี๊ดจ๊าด เสริมความฟิน   แต่“กรงกรรม” ก็ยังสามารถสร้างความชื่นชอบ สร้างกระแส จนเป็นละครที่มี   คนตั้งตารอดูมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

กรงกรรมเริ่มเปิดตัวตอนแรกด้วยเรตติ้งไม่สูงนัก  3.167 มาแบบเงียบๆ เรตติ้งไล่อยู่ในระดับ 3-4 ถึง 4 ตอน   ก่อนจะเริ่มไต่ระดับขึ้นแบบช้าๆ ขึ้นบ้างลงบ้าง ตามกระแส ที่ยังมีคู่แข่งทั้ง “หลงเงาจันทร์”ช่อง 7 และ“ทะเลริษยา”ช่องวัน เข้ามาแชร์ฐานผู้ชมไป

ละครเริ่มเป็นกระแส จากความเผ็ดร้อนของเรื่องราว ฝีไม้ลายมือของนักแสดง จนความนิยมแพร่ไปในวงกว้าง “คนดู” คือตัวช่วยที่แข็งแรงในการกระพือโหมกระแส จากแบบปากต่อปาก  มือต่อมือในโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะช่วงที่ต้องขมวดผลกรรมของแต่ละตัวละคร เรตติ้งเริ่มเข้าสู่ระดับ 7 ขึ้นไปในตอนที่ 12 จากละคร 19 ตอน  ส่งให้ “กรงกรรม” เป็นละครแรง เข้มข้นในเนื้อหาและองค์ประกอบรวมทุกสิ่ง เรตติ้งพุ่ง จนกลายเป็นละครที่มีเรตติ้งสูงสุดของช่อง 3 ในช่วงต้นปีนี้

โครงเรื่องดี ให้น้ำหนักตัวละครอย่างเหมาะสม

 ปัจจัยแรกที่ส่งเสริมให้ “กรงกรรม” ประสบความสำเร็จ มาจาก การได้โครงเรื่องที่ดี มีการสอดรับชีวิตของแต่ละตัวละคร ทุกคนได้เกิดในบทบาทเรื่องราวของตัวเอง ทุกอย่างมาในจังหวะเหมาะสม น้ำหนักพอดี ไม่หนักที่คนใดคนหนึ่ง หรือทิ้งคนอื่นไป

แม้ว่าตัวละครหลักในเรื่อง จะให้ความสำคัญไว้ที่ แม่ย้อย และเรณู สองตัวละครหลักที่เป็นจุดเริ่มต้น  แต่ตัวละครอื่นก็ไม่ด้อยความสำคัญ  หากแต่เมื่อเรื่องดำเนินไป  ตัวละครอื่น ๆ ต่างก็เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ละคร  จนตัวละครเหล่านั้นช่วยทวีความโดดเด่นของ”กรงกรรม“ ละครมีการทำพล็อตย่อยที่ดี ผูกโยงเรื่องราว ทำให้คนดูรู้สึกเชื่อในละคร จากเรื่องราวที่มีเนื้อหามากมาย แต่ทุกตัวก็มีที่มาที่ไป อย่างมีเหตุมีผลที่เหมาะสม

แกนของเรื่อง ไม่ได้เน้นที่ความรักแบบหนุ่มสาว ที่เป็นแกนของละครส่วนใหญ่ แต่เป็นความรักอีกรูปแบบหนึ่ง รักที่มาพร้อมความเห็นแก่ตัว รักของแม่ รักที่ไม่ถูกวิธี รักที่มากเกินไป จนเกิดความบิดเบี้ยวของครอบครัว มีผลต่อชีวิตของลูกชายทั้ง 4 อาใช้ , อาตง, อาซา และอาสี่  ต่างเจ็บปวดสะท้อนสู่แม่ จนได้เรียนรู้ความรักและความเหมาะควรของชีวิต และได้บทสรุปว่า ความรักที่พอดี ใช้ชีวิตสายกลาง จะทำให้ชีวิตมีความสุข

นักแสดง สื่อชีวิตตัวละคร แจ้งเกิดใหม่

ละครที่ดี หากได้นักแสดงที่ไม่สามารถสื่อสารกับผู้ชมได้ ก็คงไม่สามารถสร้างความเชื่อให้คนดูได้

“กรงกรรม” ไม่ได้มีความโดดเด่นเพียงแค่ คู่เอก แกนนำของเรื่อง แต่ทุกชีวิตในเรื่องได้นักแสดงที่มากความสามารถ มารับบทอย่างเหมาะสม  เมื่อมีองค์ประกอบที่ดีรอบด้านมาเสริม จึงทำให้นักแสดงหลายคนในเรื่องได้ “แจ้งเกิด” อีกครั้งในละครเรื่องนี้

“ใหม่ เจริญปุระ” จากบทบาทนักแสดงภาพยนตร์ นักแสดงละคร ที่มีภาพจำคือนักร้องยอดนิยม ที่แสดงละครไม่บ่อย จนห่างหายไปจากจอนานพอสมควร บทแม่ย้อย ปลุกประกายความรัก ความเกลียดในใจให้กับผู้ชม แม่ผู้มีปมในอดีต แม่ย้อย ผู้ทำทุกอย่างเพื่อลูก สุดท้ายก็โดนผลกรรมที่ทำไว้ กลับมาหลอนให้เกิดภาพที่ทำให้เธอต้องสำนักผิดและมองมุมกลับ จนได้รู้จักคุณค่าที่แท้จริงของ “มนุษย์”

ส่วนนักแสดงคนอื่นนั้น หลายคนเป็นการพลิกบทบาท ที่ไม่เคยเล่นมาก่อน เป็นภาพที่ไม่คุ้นตา แต่กลับทำได้ดีรวมทั้งหลายคนสลัดหลุดภาพจำด้านการแสดงที่ยังมีข้อด้อย กลับกลายเป็นนักแสดงที่แสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติจนเป็นที่ยอมรับ

เบลล่า ราณี ผู้เข้าสู่วงการจากบทนางร้าย ก่อนขยับมาเป็นนางเอก มาพลิกบทครั้งสำคัญ ด้วยการ  รับบทโสเภณี ผู้หญิงต่อสู้ชีวิต ยอมทำทุกอย่างด้วยหวังจะก้าวผ่านสู่ความสุขของชีวิต แต่สุดท้ายความดีคือเกราะคุ้มกาย จนคนรอบข้างต่างยอมรับเรณูด้วยใจ  ยิ่งไปกว่านั้น เบลล่านับเป็นนักแสดงหญิงของช่อง 3  ที่ทำเรตติ้งละครสูงสุดของช่อง 3 มา 3 ปีติดกัน ตั้งแต่เพลิงบุญ ตอนจบ 8.9  ปี 2560 และบุพเพสันนิวาส ตอนจบ 18.633 ปี 2561

เจมส์ จิรายุ จากบทพระเอกหล่อ นุ่มนวล มาเป็นลูกชายคนที่ 3 ผู้มองโลกในแง่ดี หนึ่งในตัวละครสำคัญเชื่อมต่อกับหลายตัวละคร พัฒนาด้านการแสดงในบทของหนุ่มคิดบวกกับโลก ลูกที่รัก เคารพ จนยอม      ตามใจแม่ทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็พบว่าการเลือกทางเดินอย่างมีเหตุผลที่เหมาะสม คือทางสว่างของชีวิต

นักแสดงที่กลับมาแจ้งเกิดได้อีกครั้ง ตั้งแต่ ริชชี่ – อรเณศ จากการเปิดตัวในวงการบันเทิงครั้งแรกด้วยบท “อังศุมาลิน”ในภาพยนตร์ “คู่กรรม” นี่อาจจะเป็นการแสดงที่เข้าถึงบทบาทที่ดีที่สุดของเธอ รวมถึงเด่นคุณ งามเนตร, ส่วน “แชมป์ ชนาธิป” ที่เคยแจ้งเกิดไปแล้วครั้งหนึ่งในซีรี่ส์ เลือดมังกร (แรด) จนไปเป็นพระเอกละครเย็น และได้กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งในบทของ อาตง ในเรื่องนี้ เช่นเดียวกับ “ยิหวา ปรียากานต์”เคยรับบทเด่นใน “นางบาป” หนึ่งในละครแป๊กแห่งปีของช่อง 3 ในปีที่แล้ว กลับมาในบท “จันตา” สาวน้อยตาโศก ผู้น่าสงสาร ได้อย่างน่าประทับใจ

ที่ไม่กล่าวถึง คงไม่ได้สำหรับบท “พิไล” ของ “แพร-ทิชาภา” เป็นคนที่อาจไม่ได้พลิกบทบาทจากเรื่องอื่นๆ  แต่สามารถทำให้เห็นว่า มีดีกรีของความร้าย ในขณะเดียวกันก็น่าสงสาร ในตอนที่เรื่องราวทั้งหมดเปิดเผยว่าเธอคือคนที่โหยหาความรัก ซ่อนปมที่เป็นรองคนอื่นมาตั้งแต่เด็ก จนกลายเป็นคนที่มีแต่ความแค้น อิจฉาริษยาท่วมท้นใจ  ชาวบ้านร้านตลาดต่างเกลียดเธอ แต่ต้องกลับมาร้องไห้ สงสารเธอเมื่อความจริงปรากฏ

สำหรับค่ายแอคอาร์ต ผู้ผลิตละครเรื่องนี้ ยังเป็นการคืนฟอร์ม กลับมาแก้มือได้สำเร็จอีกครั้ง หลังจากปีที่แล้ว ละคร “เสน่ห์นางงิ้ว” ไม่ประสบความสำเร็จ ทำเรตติ้งเฉลี่ยไว้เพียง 2.080 เป็นละครที่มีเรตติ้งเฉลี่ยต่ำที่สุดของช่อง 3 อีกด้วย

ละครภาคก่อนของ “สุดแค้น แสนรัก”

“สุดแค้น แสนรัก” เรื่องของอีแย้ม น้องสาวแม่ย้อย ที่ไม่ยอมยกโทษให้ใคร ต่างมีปมหลังของชีวิต ที่ต่างแหวกว่ายขึ้นมาสู่จุดที่เขาอยากจะเป็น ถึงวันหนึ่งก็พบว่า การไปถึงจุดนั้น เป็นไปด้วยความไม่ถูกต้อง กลายเป็นผลกรรมที่ต้องกลับมาชดใช้

ทั้งสองเรื่องมาจากผู้เขียนคนเดียวกัน “จุฬามณี” ที่เคยเขียนนิยายดังหลายเรื่อง ที่สร้างเป็นละครมาแล้ว เช่น ชิงชัง ทางช่อง 5 จนมาถึง “สุดแค้น แสนรัก” ทางช่อง 3 ที่หลายๆคน อาจจะลืมไปแล้ว แนวเรื่องชีวิตหนักๆ     ทั้งสองเรื่องโด่งดังเหมือนกัน  แต่ดูเหมือนว่า “กรงกรรม” จะสร้างกระแสได้แรงกว่า

“จุฬามณี” ผู้เขียนนิยายเรื่องนี้ ยังได้สานต่อเรื่องราวภาคต่อ “กรงกรรม” ไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยนิยายเรื่องใหม่ “ระบำบุญ” เป็นเรื่องของ “มาลา” เมียของอาสี่ ที่เอาลูกสาว “กมลา”มาฝากให้อาซาและจันตาเลี้ยง เนื้อหาน่าจะแซ่บร้อนแรงไม่แพ้ 2 เรื่อง เข้าคอนเซ็ปต์ที่ว่า “ผู้ใดก่อกรรม ก่อบุญ ผู้นั้นรับกรรม รับบุญ” ตามที่ผู้เขียนนิยายได้เคยอ้างอิงเอาไว้

“กรงกรรม” สะท้อนเนื้อหาความเป็นมนุษย์ในทุกด้าน  เป็นกระจกบานใหญ่ให้ผู้ชมได้ย้อนดูตน  หวังว่าละครเรื่องนี้จะเตือนใจให้คนในโลกยุคดิจิทัล ได้น้อมนำหลักธรรม ความพอดี ความพอเพียง ทำให้ชีวิตของตน  ร่มขึ้น มองทุกปัญหาและแก้ไขด้วยสติ สวนกระแสจากอากาศในเดือนเมษายนที่แสนจะเร่าร้อน

Tagged