จากเรตติ้งเฉลี่ย 9 เดือนของช่อง 3 ในปี 2561 เทียบกับปี 2560 ที่มีเรตติ้งเฉลี่ยทั้งช่องอยู่ที่ 1.397 และ 1.369 นับว่าไม่เจ็บตัว เมื่อเทียบกับอีกหลายช่อง แต่เมื่อลงลึกเจาะช่วง 5 ชั่วโมง ตั้งแต่ช่วง early prime ไปจนถึงไพรม์ไทม์ของวัน ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00น. ที่เป็นช่วงที่มีผู้ชมสูงสุด และสร้างรายได้ให้ช่องสูงสุด โดยภาพรวมเรตติ้งเฉลี่ยรายชั่วโมงช่วงเย็น ดีขึ้น แต่ลดลงเล็กน้อยในช่วงหลัง 3 ทุ่ม
เมื่อแยกช่วงวันทำงาน จันทร์-ศุกร์ ออกมา พบว่า เรตติ้งเฉลี่ย 9 เดือนของปีนี้ ดีขึ้นกว่าปีก่อนมาก โดยเฉพาะช่วงเย็นเรตติ้งดีขึ้นเกือบเท่าตัว เป็นผลมาจากการปรับผังรายการออกอากาศ จากเดิมเป็นซีรี่ส์จีน ที่ได้เรตติ้งเฉลี่ยสูงสุดแค่ประมาณ 1 มาเป็นซีรี่ส์อินเดีย เริ่มด้วย “นาคิน” เรตติ้งเฉลี่ยเกิน 2 ที่มาเพราะกระแสละคร “นาคี” ที่ช่อง 3 จัดลงช่วงละครเย็นมาก่อนหน้านี้ และมาดีต่อเนื่องจากกระแสละคร “บุพเพสันนิวาส” ตั้งแต่ช่วงออกอากาศเวลาไพรม์ไทม์ และนำมาลงละครเย็นยาวต่อเนื่อง
ส่วนช่วงไพรม์ไทม์วันจันทร์-ศุกร์ ตอนต้นปีผลงานละคร ยังไม่เข้าตา เรตติ้งตกมาก แต่ได้ละคร “บุพเพสันนิวาส”มาในปลายเดือนก.พ.ส่งเรตติ้งต่อเนื่อง ทำให้เรตติ้งดีกว่าปีก่อน แต่ละครไพรม์ไทม์ช่วงหลัง เรตติ้งก็ยังแกว่งไปมา จากทั้งผลงานของละครแต่ละเรื่อง และการแข่งขันที่แต่ละช่องจัดหนัก จัดเต็มมาก โดยเฉพาะผลงานละคร “เมีย 2018” จากช่องวันที่มากระทบละครช่อง 3 ในช่วงเดียวกันโดยตรง
สำหรับวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ออกมา ชัดเจนว่า ช่วงวันหยุด เป็นช่วงที่เรตติ้งช่อง 3 ตกลงในทั้ง 5 ชั่วโมง โดยในช่วงเย็นกระทบมากที่สุด เนื่องจากมี “ไมค์ทองคำ” เป็นรายการที่ได้รับความนิยมสูงเป็นเจ้าตลาดในช่วงเวลานี้จากเวิร์คพอยท์ และรายการจากช่อง 7 เช่น Master Chef Thailand
ในขณะที่รายการของช่อง 3 เอง ในปี 2560 ยังมีรายการ “The Voice” เป็นรายการแม่เหล็กที่ออกอากาศช่วงปลายปี 2559 ยาวมาถึงต้นปี 2560 ต่อด้วยรายการ The Voice Kids เป็นรายการหลัก แต่ในปีนี้ หลายรายการไม่ประสบความสำเร็จในแง่เรตติ้ง เช่น The Face All Star แม้จะเป็นรายการปังในโลกออนไลน์ แต่ได้เรตติ้งเฉลี่ยทั้งรายการทางทีวีเพียง 1.631 รวมถึงรายการ “สงครามปลายจวัก” ที่มาชน Master Chef Thailand จากช่อง 7 แต่ก็เริ่มมาดีขึ้นในช่วงของรายการ “สมรภูมิชิงเพลง” และ “ฮอลลีวู๊ด เกมไนท์”
ส่วนเวลาไพรม์ไทม์ของวันหยุด เนื่องจากไม่ได้มีผลของละคร “บุพเพสันนิวาส” มาช่วยส่งให้เหมือนช่วงวันทำงาน ละครที่ปังมากที่สุดของช่วงเวลานี้ คือ “อังกอร์” ที่มีเรตติ้งเฉลี่ย 5.311 และเรตติ้งสูงสุดตอนจบ 7.305 เพียงเรื่องเดียว ทำให้เรตติ้งเฉลี่ยเมื่อเทียบกับปีก่อนลดลงมาก
โดยรวม 3 ไตรมาสแรกของปีช่อง 3 เสมอตัว แต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายยังน่าเป็นห่วง เพราะการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นทั้งจากคู่แข่งในวงการ และออนไลน์ที่มาแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุดก็มีบทพิสูจน์มาแล้วว่า Content is the King ไม่ว่าอยู่แพลทฟอร์มไหน ผู้ชมก็พร้อมที่จะติดตามชมเสมอ