จากบทประพันธ์ขึ้นหิ้งของ “ทมยันตี” ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2531 นวนิยายที่ไม่เคยนำมาสร้างละครมาก่อน อาจจะเพราะเนื้อหา ที่ยุคสมัยนั้นอาจจะยังไม่ยอมรับ เมื่อถูกหยิบขึ้นมาทำละครเป็นครั้งแรกโดยค่าย Change 2561 ของ “พี่ฉอด สายทิพย์” สร้างความแปลกใจด้วยการนำเอา “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก” มารับบท “นิรา” ชื่อที่มาจากความหมายว่า “นิรนาม” สาวสวย ที่มาจากการแปลงเพศ เพื่อสานต่อความฝัน ความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้กับอาหนุ่ม
ละครมีการดัดแปลงบทประพันธ์ที่เดิม อาชัชวีร์ เป็นอาแท้ๆ น้องชายของพ่อ เปลี่ยนมาเป็นอาเขย เพิ่มเติมตัวละครใหม่ “มะนาว” สร้างความเข้นข้นของเนื้อเรื่อง และอีกหลายๆจุด รวมถึงจุดจบของ “นิรา” ที่เปรียบชีิวิตดั่งใบไม้อ่อนของเธอ ร่วงลงก่อนวาระของมัน อำลาลงสู่ดิน ดังใบไม้ที่ปลิดปลิว มาให้ผู้ชมเซอร์ไพรส์ ด้วยการให้ “นิรา” ได้ดำเนินชีวิตของเธอต่อไป
เนื่องจากการออกอากาศในช่อง One เป็นการออกอากาศตอนละ 1 ชั่วโมงเศษ ละครแต่ละเรื่องจึงออกอากาศได้ยาวนานกว่าละครทั้งช่อง 7 และช่อง 3 ในช่วงแรกของการออกอากาศ เริ่มออนแอร์หลัง “กลิ่นกาสะลอง” ช่อง 3 เพียง 1 ตอน “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” เปิดตัวด้วยเรตติ้งเพียง 1.510 แล้วค่อยๆสร้างกระแสมาเรื่อยๆ เรตติ้งเกินกว่า 2 ในตอนต่อๆมา เรตติ้งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีเพียงวันที่ 29 ก.ค. ที่ไปชนตอนจบของละคร “กลิ่นกาสะลอง” เท่านั้น ที่มีเรตติ้งลดลงมาอยู่ที่ 1.729 หลังจากนั้นก็มีเรตติ้งพุ่งขึ้นตลอด จนมาปิดตัว ที่เรตติ้งสูงถึง 4.665 นับเป็นละครไพรม์ไทม์ที่ทำเรตติ้งตอนจบสูงที่สุดของช่อง One ในปีนี้
รายละเอียดเรตติ้งของละครเรื่องนี้ มีเรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่อง 2.520 พบว่า ฐานผู้ชมหลักมาจากพื้นที่กรุงเทพมากที่สุดถึง 3.077 รองลงมาเป็นภาคกลาง 2.935 โดยภาคเหนือเป็นภาคที่มีผู้รับชมน้อยที่สุด 2.090 และแน่นอนว่าเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
ตัวเลขเรตติ้งที่น่าสนใจ ได้แก่ช่วงอายุของผู้ชมที่รับชมมากที่สุด ปรากฏว่าเป็นช่วงอายุ 35-39 ปี เรตติ้ง 3.217 รองลงมาคืออายุ 40-44 ปี เรตติ้ง 3.051 ซึ่งเป็นฐานผู้ชมที่มีอายุเฉลี่ยน้อยกว่าช่องอื่นๆ ที่ปกติผู้ชมทีวีจะเป็นฐานผู้ชมที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป แต่ “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” สามารถดึงกลุ่มผู้ชมที่มีอายุน้อยลงกว่ามาเป็นฐานผู้ชมหลักได้
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนจบ ที่มีเรตติ้งสูงสุด 4.665 มีรายละเอียดฐานผู้ชมช่วงอายุ 30-34 ปี รับชมถึง 6.306 รองลงมายิ่งอายุน้อยลงอีก เป็นช่วงอายุ 25-29 ปี เรตติ้ง 6.187 วิเคราะห์ได้ว่า ด้วยเนื้อเรื่องร่วมสมัยกับความหลากหลายทางเพศ จึงได้รับความนิยมสูงในหมู่คนที่มีอายุในช่วง 25-34 ปีมาก
เมื่อดูจากเรตติ้งเฉลี่ยประจำวันที่ 20 ส.ค. ยังพบว่า เรตติ้งของช่อง One ยังขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 3 แซงชนะช่องโมโน และเวิร์คพอยท์ได้ด้วย แต่ยังไม่สามารถแซงช่อง 3 ที่อยู่ในอันดับ 2 ได้ เพราะช่อง 3 ยังมีรายการที่มีเรตติ้งเฉลี่ยทั้งวันดีกว่า แม้ว่าเรตติ้งรายการช่วงไพรม์ไทม์จะแพ้ช่อง One ก็ตาม
5 อันดับเรตติ้งเฉลี่ย ประจำวันที่ 20 ส.ค. 2562
เจาะลงลึกเฉพาะช่วงเวลาที่ละครของทั้ง 3 ช่องออกอากาศ ยังพบว่า ช่อง 7 เปิดตัวได้แรงสุดในชั่วโมงแรกช่วง 2-3 ทุ่ม ด้วยเรตติ้ง 6.027 และค่อยๆลดลงในทุกชั่วโมง โดนช่อง One แซงในช่วงเวลา 4-5 ทุ่ม ด้วยเรตติ้ง 4.754
ในขณะที่ช่อง 3 มีเรตติ้งอยู่ในอันดับ 2 ของช่วงแรก และลดลงมาเป็นอันดับ 3 ในช่วงเวลา 3-5 ทุ่ม
เรตติ้งช่วงเวลาไพรม์ไทม์ ของวันที่ 20 ส.ค.ของ 3 ช่อง
ข้อมูลรายละเอียดเรตติ้งนี้ ยังเป็นบทสรุปว่า Content is the king เมื่อช่องใด มีรายการดี กระแสแรง ได้รับความนิยมสูง ก็จะมีส่วนช่วยสร้างมูลค่ารายได้โฆษณาของแต่ละช่องได้มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยขยายฐานผู้ชมของช่องได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับละครชุดใหม่ของช่อง One ที่จะออกอากาศต่อ น่าจะเป็นจุดสตาร์ทเรตติ้งที่สูงขึ้นกว่าเรื่องก่อนหน้านี้
