ช้า เร็ว ยังไงก็ต้องมา ละครแรงของช่อง 3  “กรงกรรม” เขย่าจอรอบ 2

ละคร-ซีรีส์ วิเคราะห์เจาะเรตติง

 “กรงกรรม” ละครดังของช่อง 3 ที่ทำให้เป็นกระแสเขย่าจอมาแล้ว 1 รอบ เสนอคืนวันจันทร์

วันอังคาร เวลา 20.20 น. ผลงานของ พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง ในนาม บริษัท แอค อาร์ต เจเนอเรชั่น จำกัด  เรตติ้งตอนแรกทำได้เพียง 3.167 แต่ก็ได้แรงส่งอย่างต่อเนื่อง เรตติ้งค่อย ๆ สูงขึ้น ด้วยกระแสของผู้ชมจากปากสู่ปาก คนสู่คน จนแฟนละครต้องเฝ้าหน้าจอช่อง 3  ละครทำเรตติ้งเฉลี่ยได้ถึง 6.256 โดยเฉพาะ

ตอนจบที่ทำเรตติ้งได้ถึง 11.136

ด้วยความสมบูรณ์ของละคร ไม่ว่าจะเป็น ความสามารถของนักแสดงนำ อาทิ ใหม่ เจริญปุระ, เบลล่า ราณี ,เจมส์ จิรายุ, แพร พิชชาภา รวมทั้งนักแสดงทุกคนที่ฝากฝีมือเป็นความประทับใจให้จดจำ  บทละครที่เข้มข้น   การดำเนินเรื่องกระชับฉับไว ทำให้ “กรงกรรม” เป็นอีกหนึ่งผลงานโบว์แดงของ “อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์”

ช้า เร็ว ยังไง ก็ต้องมา ช่อง 3 ออกโปรโมชั่นมาแล้วว่าเร็ว ๆ นี้จะได้ชม“กรงกรรม” เขย่าจอรอบ 2

ในช่วงเวลา 18.50 น. เริ่ม 26 มิ.ย.นี้ และหากว่ามองย้อนกลับไป ในปีนี้ ช่อง 3 นำละครเก่ามาออกอากาศในช่วงละครก่อนข่าวภาคค่ำมาแล้ว 2 เรื่อง ได้แก่ “แรงเงา 1” และ “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง”

“แรงเงา1” พอจะคาดเดาได้ว่า เพื่อส่งต่อและเชื่อมโยงผู้ชมสู่ “แรงเงา 2 “ซึ่งถือว่า การรีรัน“แรงเงา 1” ผลตอบรับค่อนข้างดี และตามมาด้วย “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” เรื่องนี้ คงไม่ได้มาต่อไม้ให้ใคร แต่หากจะลองมองเชิงคิดวิเคราะห์ ก็พอจะแยกแยะได้ว่า ช่อง 3 ลดความเสี่ยง ลดการลงทุน หยุดการไหลของเลือด ประหยัดค่าใช้จ่ายที่ควรจะต้องเสียกับต้นทุนละครใหม่ไปได้ 2 เรื่อง มูลค่าคาดว่าประมาณ 80-90 ล้านบาท

ครั้งนี้ “กรงกรรม” คือละครเรื่องที่ 3 ต่อเนื่องกัน ที่เป็นการหยิบเอาละครเก่า ละครรีรันมาลงจอ

หากเป็นในช่วง 2 – 3 ปีก่อนหน้านี้ บอกไปคงไม่มีใครเชื่อว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดบนหน้าจอช่อง 3

แต่ในปีนี้ ที่กลุ่มช่อง 3 ต้องคืนช่องถึง 2 ช่อง ทำให้ต้องคาดเดาว่า เป็นความจำเป็นทางธุรกิจที่จำเป็นต้องกู้สถานการณ์

แม้จะไม่ใช่ภาพที่สวยงาม  แต่เพื่อสร้างโอกาส ลดค่าใช้จ่ายและสร้างรายได้ คงเป็นเหตุที่ทำให้ช่อง 3 จำยอม ให้เกิดภาพเช่นนี้  มองย้อนไปเมื่อปี 2560 ช่อง 3 เคยนำละครนาคี มารีรันในช่วงเย็น ผลตอบรับดีมาก ทำเรตติ้งเฉลี่ยได้ถึง 5.024

หากจะให้คาดเดา ละครทั้ง 3 เรื่องที่ช่อง 3 หยิบมารีรัน น่าจะประหยัดเงินให้ช่อง 3 รวมถึงประมาณ

130-150 ล้านบาท  รวมกับรายได้ที่จะเกิดตามมา ต้องยอมรับว่าในความไม่ว้าว ไม่งดงาม กลับสร้างตัวเลขทางธุรกิจให้ช่อง 3 ได้อย่างงดงาม คงต้องเฝ้าหน้าจอทั้งด้านความนิยมว่าจะโกยเรตติ้งขนาดไหน ด้านโฆษณาก็น่าติดตามว่าเอเจนซี่และสินค้าต่าง ๆ จะตอบรับเพียงใด

หยิบประเด็น “กรงกรรม” มาเป็นข้อคิด เพื่อบอกต่อสะท้อนภาพให้กับคนดู ผู้ประกอบการ และคนในแวดวงธุรกิจว่า  วันนี้ สงครามทีวีดิจิทัล มีทั้งศึกใน ศึกนอก ไหนจะต้องแข่งขันด้านเรตติ้ง ไหนจะต้องชิงเม็ดเงินโฆษณา ในวันที่แสนจะมีจำกัด  เส้นทางนี้ยังอีกยาวไกล หนทางและระยะเวลาคงเป็นบทพิสูจน์ที่เที่ยงธรรมที่สุด

Tagged