การแข่งขันฟุตบอลของทีมชาติไทย ยังคงเป็นรายการกีฬาที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมทางทีวีสูงที่สุดตลอดมา ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ทุกแมตช์ของทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย ได้รับความนิยมสูง เรตติ้งมาแรงที่สุด โดยเฉพาะการแข่งขันฟุตบอล เอเชี่ยนคัพ 2019 ที่ทีมชาติไทยทำได้ถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย
แมตช์สุดท้ายที่ทีมไทยแพ้จีน 1-2 ในวันที่ 20 ม.ค.เป็นแมตช์ที่ทำเรตติ้งสูงสุดของรายการถ่ายทอดสดกีฬาในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ทำเรตติ้งเฉลี่ยได้สูงถึง 8.355 ส่วนอีก 3 แมตช์รอบก่อนหน้านี้ทำเรตติ้งรองลงมา โดยทั้งหมดอยู่ใน 4 อันดับแรก ทั้งนี้เป็นการถ่ายทอดสดโดยช่อง 7
อันดับที่ 5 เป็นฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แมตช์วันแดงเดือด “ลิเวอร์พูล แมนยู” เจอกันเมื่อไร เดือดทั้งสนามและคนดู ทำเอาเรตติ้งสูงตามไปด้วย ถ่ายทอดสดโดยช่องพีพีทีวี ได้เรตติ้ง 4.100
ส่วนศึกไชน่าคัพ ที่ทีมชาติไทยไปร่วมเล่นด้วยนั้น ถ่ายทอดสดโดยไทยรัฐทีวี ทำเรตติ้งอยู่ในอันดับ 7-8 เรตติ้ง 2.645 และ 2.559
นอกเหนือจากกีฬาฟุตบอลแล้ว มวยไทย เป็นอีกรายการที่ได้รับความสนใจมากจากผู้ชมแฟนกีฬา หลายช่องต้องพึ่งมวยไทย เพื่อดึงเรตติ้งช่อง และช่อง สปริง 26 เป็นช่องที่จัดให้มีถ่ายทอดสดมวยไทยในทุกวัน ดันเรตติ้งเฉลี่ยของช่องขึ้นมายืนอยู่ในอันดับ 10 ได้ในบางสัปดาห์
รายการมวยไทยที่เรตติ้งสูงสุด ยังเป็นของช่อง 7 “มวยไทย 7 สี” ออกอากาศในช่วงบ่าย 2 ของวันอาทิตย์ ทำเรตติ้งไม่เบา เคยได้สูงสุดในวันที่ 24 ก.พ. ได้เรตติ้ง 3.146
ส่วนศึกมวยไทยไฟท์ ของกลุ่มช่อง 3 ที่ออกอากาศทั้งช่อง 3 และส่งต่อไปยังช่อง 3SD ช่อง 28 ทำเรตติ้ง อยู่ที่ 2.322 และ 2.305
ในกลุ่มรายการถ่ายทอดสดรายการกีฬาอันดับ 11-20 นั้น ยังคงเป็นรายการฟุตบอลทั้งของทีมไทยและพรีเมียร์ลีก และรายการมวยไทย โดยเฉพาะจากช่อง Spring 26 ทั้งรายการ แม็ก มวยไทย, เดอะแชมป์เปี้ยน มวยไทยตัดเชือก, มวยไทย โฟลเดอร์ สอดแทรกมาด้วยรายการมวยไทยจากช่อง 3 “ ศึกเจ้ามวยไทย” และ รายการ “ไทยไฟท์”
ในขณะที่การแข่งขันฟุตบอลของทีมชาติไทยรุ่นเล็ก อายุ 23 ปี ศึก เอเอฟซี ยู 23 แมตช์ทีมไทยแพ้เวียดนาม เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ถ่ายทอดสดโดยพีพีทีวี ที่เริ่มกวาดซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยมาบ้างแล้ว ได้เรตติ้งเฉลี่ย 1.707 อยู่ในอันดับ 16