ข่าวประชาสัมพันธ์
เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา
คดีหมายเลขดำที่ ๒๕๘/๒๕๖๒ คดีหมายเลขแดงที่ ๒๐๘/๒๕๖๒ ซึ่งบริษัท
วอยซ์ ทีวี จำกัด เป็นผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และสำนักงาน กสทช. เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ กรณี
กสทช.ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์
๒๕๖๒
พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดิ
นในระบบดิจิตอลเป็นเวลา ๑๕ วัน
เนื่องจากการออกอากาศรายการของผู้ฟ้องคดี ๕ รายการ คือ Tonight
Thailand เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลาประมาณ ๒๑.๐๕ น.
ในหัวข้อ สุดารัตน์ระอา ทหาร-ตร. ยังตามประกบลงพื้นที่
และการออกอากาศรายการ Wake Up News เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม
๒๕๖๒ เวลาประมาณ ๐๗.๐๕ น. ในหัวข้อ ๑๐
เรื่องที่คนไทยกังวลใจเกี่ยวกับการเมืองไทย หัวข้อ
รปช.ติงชัชชาติไม่รู้จริงเรื่องข้าว และหัวข้อ เฉลิมเชื่อพรรค ๓ ฝ่าย ปชต.
กวาด ๓๐๐ ที่นั่ง วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๒ ในหัวข้อ
ทักษิณสอนมวยรัฐบาลแก้ปัญหาฝุ่นละออง วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๒
เวลาประมาณ ๐๗.๕๔ น. ในหัวข้อ เสรีพิศุทธิ์ ปลุก ปชช. เอา ปชต. คืนมา
และวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๒ ในหัวข้อ สุดารัตน์เปิด ๕
แนวทางกระเป๋าตุง หัวข้อ ชัชชาติ ประกาศดัน ๖ ยุทธศาสตร์สู่ไทยยั่งยืน
และหัวข้อ กกต. กดสื่อจัดผังหาเสียงคาดมี ๔๕ พรรคส่งสมัคร สส.
โดยศาลปกครองกลางวินิจฉัยว่า
ผู้ดำเนินรายการพิพาทได้เสนอข่าวสารในเชิงวิเคราะห์ทางการเมือง
โดยผู้นำเสนอรายการจะรวบรวมข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวในขณะนั้น
มาเรียบเรียงเนื้อหาและกำหนดรูปแบบวิธีการเสนอข่าวให้เป็นที่สนใจของ
ประชาชน
และมีการวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้า
ที่ นโยบายของพรรคการเมือง ผู้นำพรรคการเมือง และผู้นำรัฐบาล และ
ผู้ดำเนินรายการได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายสาธารณะและบุคคลสาธารณะ
ตามสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชน อย่างไรก็ตาม
ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนมติของ กสทช.ที่ให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ของบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด
โดยได้พิจารณาพิพากษาเป็นการเร่งด่วน
– 2 –
แม้การแสดงความคิดเห็นของผู้ดำเนินรายการพิพาทจะมีเพิ่มเติมไปจากแ
หล่งข่าว
รวมทั้งมีการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตา
มที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ กล่าวอ้าง
แต่การกระทำดังกล่าวก็ยังฟังไม่ได้ถึงขนาดที่จะทำให้ประชาชนเกิดความ
สับสนเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ หน่วยงานของรัฐ
หรือผู้นำรัฐบาล
ส่วนการดำเนินรายการดังกล่าวจะมีปัญหาด้านจริยธรรมหรือไม่ นั้น
ย่อมเป็นหน้าที่ขององค์กรสภาวิชาชีพดำเนินการตรวจสอบ
การแสดงความคิดเห็นของผู้ดำเนินรายการที่เพิ่มเติมไปจากแหล่งข่าว
รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นสนับสนุนพรรคการเมือง
ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งของผู้ฟ้องคดีในรายการทั้ง ๕ รายการพิพาท
จึงไม่ถึงขนาดเป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะที่ส่อให้เกิดความสั
บสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยก
ในราชอาณาจักร อีกทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ได้เสนอว่า
การออกรายการของผู้ฟ้องคดีดังกล่าวเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงหรือ
ไม่อย่างไร และไม่ปรากฏว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
ได้พิจารณาในประเด็นความเสียหายอย่างร้ายแรงก่อนมีมติออกคำสั่งกำห
นดโทษทางปกครองให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลของผู้ฟ้องคดีเช่นกัน
ดังนั้น การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
มีมติให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภา
คพื้นดินในระบบดิจิตอลของ
ผู้ฟ้องคดี จึงไม่ชอบด้วยตามมาตรา ๖๔ ประกอบมาตรา ๑๖ และมาตรา
๓๗
แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์
พ.ศ. ๒๕๕๑ ข้อ ๒๐ ของประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์
พ.ศ. ๒๕๕๕ และข้อ ๒๒ ของประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง
กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง
หลักเกณฑ์และวิธีการรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดในกิ
จการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่มีโทษทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๖
– 3 –
ศาลปกครองกลางจึงพิพากษาเพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
ที่กำหนดโทษทางปกครอง
ให้พักใช้ใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้น
ดินในระบบดิจิตอล
ช่องรายการ วอยซ์ ทีวี ของผู้ฟ้องคดี เป็นเวลา ๑๕ วัน นับตั้งแต่เวลา
๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่มีมติ
คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ส่วนคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวของศาล
เมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ให้มีผลต่อไปจนกว่ามติของผู้ถูกฟ้องคดีที่
๑ ดังกล่าวเป็นอันสิ้นผลตามเงื่อนไขระยะเวลาที่กำหนดไว้
นายประวิตร บุญเทียม ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด
ในฐานะโฆษก
ศาลปกครอง เปิดเผยว่า
คดีนี้อธิบดีศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งด่ว
น
ตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด
ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้อ ๔๙/๒
ซึ่งมีการแก้ไขเพิ่มเติมตามระเบียบฯ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒
และมีผลใช้บังคับเมื่อวันที่
๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
นับเป็นคดีแรกที่ศาลปกครองได้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งด่วนตามร
ะเบียบดังกล่าว
ที่กำหนดให้อธิบดีศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาโ
ดยเร่งด่วนได้หากมีกฎหมายกำหนดเวลาการพิจารณาพิพากษา
หรือเหตุอื่นใดที่การดำเนินกระบวนพิจารณาตามขั้นตอนปกติอาจเกิดควา
มเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้ฟ้องคดีที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง
หรืออาจเป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ
โดยคดีนี้ บริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง
เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และเมื่อวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒
ศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งของ กสทช.
ที่พักใช้ใบอนุญาตฯไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำ
สั่งเป็นอย่างอื่น
หลังจากนั้น ศาลปกครองกลางได้นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก เมื่อวันที่ ๒๗
กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เวลา
– 4 –
๑๐.๐๐ น. และในวันเดียวกันเวลา ๑๖.๐๐ น.
ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาคดีนี้
การมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยเร่งด่วนดังกล่าว
มีผลทำให้ศาลสามารถดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงให้เสร็จสิ้นในวันเดีย
วหรือต่อเนื่องกันไปโดยลดระยะเวลาต่าง ๆ ที่กำหนดไว้เดิม
แต่การดำเนินกระบวนพิจารณาก็ต้องให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมีโอกาสให้การ
และชี้แจงข้อเท็จจริงต่อศาล
รวมทั้งยังคงต้องมีตุลาการผู้แถลงคดีให้ความเห็นทางคดีต่อองค์คณะด้วย
จึงไม่เป็นการลดทอนสิทธิของคู่กรณีตามที่มีอยู่เดิมและไม่ทำให้เสียความเ
ป็นธรรมแต่อย่างใด ทั้งนี้ คู่กรณีที่ไม่พอใจในผลแห่ง
คำพิพากษามีสิทธิอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน ๓๐ วันสำนักงานศาลปกครอง ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒