รายงานผลประกอบการของ ไตรมาส 2 /2564 ของบริษัท อาร์ เอส ที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ เมื่อเร็วๆนี้ พบว่า รายได้รวมของบริษัท อยู่ที่ 992.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 159.3 ล้านบาท หรือ 19.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส2 ปี 2563 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 833.1 ล้านบาท
โดยรายได้ที่เพิ่มมาก มาจากกลุ่มรายได้จากธุรกิจสื่อ ที่รวมถึงธุรกิจทีวีดิจิทัล เป็นผลจากรายได้โฆษณาที่เพิ่มขึ้นจากคอนเทนต์ข่าว ละคร และรายการมวยมีเรตติ้งดี และภาพรวมเรตติ้งสูงขึ้น รวมถึงการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ รายได้รวมของธุรกิจสื่ออยู่ที่ 383 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161.8 ล้านบาท หรือ 73.2% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 212.2ล้านบาท ส่วนรายได้จากธุรกิจเพลง เพิ่มขึ้น 18.9 ล้านบาท หรือ 73.3% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ไตรมาส 2 /2563 มาจากรายได้จากการสตรีมมิ่งผ่านช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นตามกระแสของผู้ฟังในยุค New Normal
รายได้หลักของอาร์ เอส ยังคงเป็นธุรกิจพาณิชย์ ขายสินค้าผ่านช่องสื่อของทาง ช่อง 8 ทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม วิทยุ สื่อออนไลน์และร้าน Modern Trade ทั่วประเทศ โดยไตรมาส2 /2564 มีรายได้อยู่ที่ 564.7 ล้านบาท มีสัดส่วนรายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 56.9 % ของรายได้รวม ลดลง 3.7% ของรายได้ไตรมาส 2 ปี 2563 ที่มีรายได้อยู่ที่ 586.2 ล้านบาท ซึ่งอาร์ เอส อธิบายว่าเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่อ่อนตัวลงจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด และสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ทำให้ยอดขายยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมาย ซึ่งบริษัทได้ปรับเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจพาณิชย์ในปีนี้ใหม่เป็นการเติบโต 10%
ด้านกำไรสุทธินั้น ไตรมาส 2 /2564 มีกำไรอยู่ที่ 53.6ล้านบาท ลดลง 55 ล้านบาท หรือ 50.6% จาก ไตรมาส 2 ปี 2563 จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้รายได้ธุรกิจพาณิชย์ลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่เพิ่มขึ้นจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ต้นทุนจากการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 21.2% และ 60.2% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส2/2563
สำหรับมาตรการระยะสั้นของบริษัทในการรับมือสถานการณ์เหล่านี้นั้น บริษัทได้ให้ความสำคัญในการบริหารต้นทุน ด้วยการนำคอนเทนต์เด่นกลับมารีรันในผังรายการช่อง 8 เพื่อลดต้นทุน รวมถึงการเข้าไปลงทุนในธุรกิจต้นน้ำ เพื่อลดต้นทุนการผลิตสินค้า อีกทั้งปรับเลื่อนค่าใช้จ่ายทางการตลาดบางส่วนออกไป ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เพื่อให้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ในระดับที่เหมาะสม
