บริษัท อาร์ เอส รายงานผลประกอบการของ ไตรมาส 1 /2564 ต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า รายได้รวมของบริษัท อยู่ที่ 992.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6 ล้านบาท หรือ 0.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 984.6 ล้านบาท โดยกลุ่มรายได้จากธุรกิจสื่อ ลดลงมากที่สุดเป็นผลจากการหดตัวของอุตสาหกรรมสื่อผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19และแข่งขันด้านราคาที่สูงขึ้นรายได้รวมของธุรกิจสื่อ ซึ่งช่วงไตรมาสแรกของปีจะเป็นช่วง Low Season โดยมีรายได้ส่วนนี้อยู่ที่ 254.8 ล้านบาทของรายได้ไตรมาส 1 /2564 ลดลง 121.1 ล้านบาท หรือ 32.2% เมื่อเปรียบเทียบกับ 375.9 ล้านบาท ในไตรมาส 1 /2563 ส่วนรายได้ของ จากธุรกิจเพลง ลดลง 31.8 ล้านบาท หรือ 29.3% เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้ไตรมาส 1 /2563
อาร์ เอส ระบุว่า แพลตฟอร์มสื่อต่างๆในเครือข่ายของบริษัท ตั้งแต่ทีวีดิจิทัลช่อง 8 วิทยุ และสื่อออนไลน์ เป็นส่วนสำคัญของโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่จะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแรงของช่องทางจัดจำหน่าย และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น
สำหรับทีวีช่อง 8 เรตติ้งเฉลี่ยอยู่อันดับ 8 ของกลุ่มทีวีดิจิทัล 18 ช่องที่มีการวัดความนิยมผู้ชม โดยรายการที่ได้รับความนิยมสูงของช่องเป็นรายการมวยไทย และละครไทย
สำหรับรายได้หลักของอาร์ เอส เป็นธุรกิจพาณิชย์ ขายสินค้าผ่านช่องสื่อของทาง ช่อง 8 ทีวีดิจิทัล ทีวีดาวเทียม วิทยุ สื่อออนไลน์และร้าน Modern Trade ทั่วประเทศ โดยไตรมาส ไตรมาส 1 /2564 มีรายได้อยู่ที่ 660.5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 66.57 % ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 32.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ที่มีรายได้อยู่ที่ 500 ล้านบาท บริษัทอาร์ เอส อธิบายว่าเป็นผลมาจากการขยายช่องทางการขาย รวมถึงความหลากหลายของการโฆษณาและนําเสนอสินค้าที่แตกต่างในแต่ ละคอนเทนต์และแต่ละช่วงเวลา ส่งผลให้ ณ ปัจจุบัน มีฐานลูกค้ารวมกว่า 1.6 ล้านราย ทั้งนี้รายได้หลักของธุรกิจพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นมาจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในหมวดสุขภาพและความงาม
กำไรสุทธิบริษัท อาร์ เอส ไตรมาส ไตรมาส 1 /2564 อยู่ที่ 140.2ล้านบาท ลดลง 46.3 ล้านบาท หรือ 24.8% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 จากการบันทึกรายได้จากการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่สูงในไตรมาส 1 ปี 2563
ทั้งนี้อาร์ เอส ระบุ ทิศทางของบริษัทชัดเจนว่า บริษัทจะยังคงมุ่งเน้นดำเนินธุรกิจรูปแบบ Entertainmerce เข้าสู่ธุรกิจพาณิชย์อย่างเต็มตัว โดยวางเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจพาณิชย์ในระดับสูงกว่า 60% จากปีก่อนและมีสัดส่วนต่อรายได้รวมเพิ่มเป็น 70%