ในยุคข้าวยาก หมากไม่ค่อยมีขาย การมุ่งหารายได้ต้องระดมมาจากทุกทิศทาง ช่อง 3 จัดทัพธุรกิจแนวใหม่ รับตลาดออนไลน์ เตรียมเปิดระบบเก็บค่าสมาชิกผู้ชมดู Content ออนไลน์ ทั้งละครเก่า ละครใหม่ เบื้องหลังละคร แถมด้วยซีรีส์ หวังเกาะฐานแฟนคลับติดตามศิลปิน คาดเริ่มไตรมาสแรกปีหน้า
ข้อมูลล่าสุดจากกลุ่มช่อง 3 ภายใต้การบริหารของ “สุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์” กรรมการผู้อำนวยการสายงานธุรกิจทีวี บริษัท บีอีซี เวิลด์ หรือกลุ่มช่อง 3 ที่ล่าสุดมีการชี้แจงกับกลุ่มนักวิเคราะห์ ในการสรุปผลประกอบการไตรมาส 3/2563 และทิศทางของบริษัท พบว่า มีการประกาศโมเดลการสร้างรายได้ใหม่จากธุรกิจ OTT หรือช่องทางออนไลน์ และผ่านแอปพลิเคชั่น Ch3+ โดยจะเริ่มระบบการเก็บค่าสมาชิกในการรับชมละคร ซีรีส์ และรายการต่างๆของช่องในไตรมาสแรกของปี 2564 นี้
ฝ่ายบริหารของช่อง 3 ชี้แจงว่า คอนเทนต์ที่จะอยู่ในรูปแบบสมาชิก ที่ผู้รับชมต้องจ่ายค่าสมาชิก Subscription Video on Demand (SVOD) จะเป็นละครของกลุ่มช่อง 3 ทั้งละครใหม่ที่กำลังออกอากาศ และละครเก่าในคลังทั้งหมด เพิ่มเติมด้วยเบื้องหลังละคร ละครภาคพิเศษ ฉบับ Director Cut ภาคต่อละคร และยังมีการนำซีรีส์ต่างประเทศที่ช่อง 3 ซื้อลิขสิทธิ์ไว้ แต่ยังไม่เคยนำมาลงผังรายการ ออกอากาศทางทีวีด้วย โดยยังไม่มีการเปิดเผยว่า อัตราค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิกจะอยู่ที่ราคาเท่าไร เพียงแต่ระบุว่า เป็นราคาไม่แพง
นับเป็นการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ใหม่ของกลุ่มช่อง 3 อีกครั้งในธุรกิจออนไลน์ นับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงนำผู้บริหารคนนอกมาบริหารกลุ่มช่อง 3 ตั้งแต่ปี 2560 ในยุค “สมประสงค์ บุญยะชัย” อดีตผู้บริหารเอไอเอส มาเป็นประธานกรรมการบริหาร ได้เริ่มสร้าง “Mello” เป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ของกลุ่มช่อง 3 ซึ่งเป็นที่รู้จักเพราะความสำเร็จจากละคร “บุพเพสันนิวาส”
ต่อมายุคที่ “อริยะ พนมยงค์” เข้ามารับตำแหน่ง President ในปี 2562 ได้มีการรีแบรนด์ Mello ให้เป็น Ch3+ พร้อมขยายช่องทางนำละครช่อง 3 ไปกับพาร์ทเนอร์ที่เป็นผู้ให้บริการ OTT เช่น Netflix จนล่าสุดยุคของ “สุรินทร์” ที่หันมาใช้กลยุทธ์การเก็บค่าสมาชิก
ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจทีวีดิจิทัล ในยุค Digital Disruption กำลังเผชิญหน้ากับรายได้หลักที่มาจากค่าโฆษณาทางทีวีลดลงอย่างมาก เนื่องจากผู้ชมนิยมรับชมคอนเทนต์ต่างๆในช่องทางออนไลน์มากขึ้น ในขณะที่รายได้จากธุรกิจออนไลน์ยังไม่สูงมากนัก เช่นเดียวกับกลุ่มช่อง 3 ในไตรมาส 3 ปี 2563 บ.บีอีซี เวิลด์ รายงานรายได้จากขายเวลาโฆษณาในช่อง 3 อยู่ที่ 1,143.5 ล้านบาท ลดลง 32.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปี 62 โดยมีสาเหตุมาจาก นาทีขายโฆษณาที่ลดลงจากการแข่งขันด้านราคาสูงมากขึ้น และเป็นผลมาจากการหดตัวอย่างมากของเม็ด เงินโฆษณาตามผลกระทบของ COVID-19 สอดคล้องกับ รายงานของ นีลเส็น เปิดเผยมูลค่า ประมาณการเม็ดเงินโฆษณา ใน 9 เดือนแรกปี 2563 ของกลุ่ม โทรทัศน์ อยู่ที่ 76,592 ล้านบาท ลดลง 14,103 ล้านบาท หรือลดลง 15.5% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกปี 2562
รายได้รวมของบริษัท ไตรมาส 3 นี้ อยู่ที่ 1,322.8 ล้านบาท ลดลง 847 ล้านบาท หรือ 39% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,169.8 ล้านบาท รายได้หลักของ BEC ยังคงเป็นธุรกิจรายได้จากขายเวลาโฆษณา และรายได้จากใช้ลิขสิทธิ์ ที่มีสัดส่วน 86.4 %และ 12.8 % ของรายได้รวมตามลำดับ
ส่วนรายได้จากใช้ลิขสิทธิ์ไตรมาส 3 /2563 อยู่ที่ 169.2 ล้านบาท ลดลง 92.5 ล้านบาท หรือ 35.3% จาก ไตรมาส 3 / 2562 แบ่งเป็นรายได้จากการขายลิขสิทธิ์ไปต่างประเทศ 65.6 ล้านบาท ซึ่งกลุ่มช่อง 3 วางเป้าหมายว่ารายได้จากขายลิขสิทธิ์ไปต่างประเทศจะต้องเพิ่มขึ้นอีก 20 % โดยการขยายแพลตฟอร์มและหาพาร์ทเนอร์ใหม่ และรายได้ดิจิทัล ที่มาจากออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มของกลุ่มช่อง 3 อยู่ที่ 60 ล้านบาท รายได้ดิจิทัลลดลงมาก เพราะใช้ละครรีรันในผังรายการมากขึ้น จึงทำให้มีคอนเทนต์ใหม่ๆในแพลตฟอร์มลดลง
อย่างไรก็ตามด้วยกลยุทธ์ทางออนไลน์ใหม่นี้ กลุ่มช่อง 3 คาดว่าจะมียอดผู้ชมออนไลน์ CH3+ เพิ่มมากกว่าเดิม 20 % โดยในปี 2563 ที่ผ่านมานี้ เดือนต.ค.เป็นเดือนที่มียอดวิวออนไลน์สูงสุดที่ 101 ล้านวิว ซึ่งเป็นช่วงที่มีละคร “ร้อยเล่ห์มารยา” ออกอากาศอยู่ สูงกว่าเดือนพฤษภาคม ที่เป็นช่วงออนแอร์ละคร “อกเกือบหักแอบรักคุณสามี” มียอดวิวรวมทั้งเดือน 94 ล้านวิว
สำหรับเป้าหมายหลักในปีหน้านี้ นโยบายของกลุ่มช่อง 3 จะมีการปรับปรุงรายการช่วงเวลาไพรม์ไทม์ เพิ่มรายได้จากช่วง Non Prime จากทั้งรายการข่าวและวาไรตี้ และตั้งธงให้มีแหล่งรายได้ใหม่จาก Ch3+ โดยเฉพาะบริการจ่ายเงิน ชมละครและคอนเทนต์ของช่อง 3
นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยละครที่จะมาออนแอร์ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเป็นชุดละครรีรัน เริ่มจาก “กรงกรรม” และต่อด้วย “อกเกือบหัก แอบรักคุณสามี” โดย “กรงกรรม” จะเริ่มออกอากาศหลังละคร “ตราบฟ้ามีตะวัน” จบลงในช่วงกลางเดือนธ.ค. และละคร “อกเกือบหัก แอบรักคุณสามี” จะรีรันต่อเนื่องจนถึงกลางเดือนม.ค.ปีหน้า
ส่วนละครใหม่ที่มีคิวออนแอร์ในไตรมาสแรกปีหน้านี้ มีตั้งแต่เรื่อง “สองเสน่หา” “เมียจำเป็น” “มายาเสน่หา” “ดวงใจในมนตรา” “พิภพหิมพานต์” และ “ดาวคนละดวง” นอกจากนี้ยังมีซีรีส์ใหม่ ซีรีส์วาย “นับสิบ จะจูบ” และ “สปาร์คใจ นายจอมหยิ่ง” เตรียมลงผังด้วย
เป้าหมายใหม่ ด้วยการให้ผู้ชมจ่ายเงินเพื่อชม แบบ SVOD จะได้เป้าสมดังตั้งใจหรือไม่ พฤติกรรมคนไทยบนโลกออนไลน์จะเป็นเช่นไร
ต้องติดตามชมว่า ธุรกิจใหม่ของช่อง 3 จะก้าวไปแล้วมีผลตอบรับมากน้อยเพียงใด เพื่อลบคำปรามาสที่ว่า #คนไทยชอบของฟรี