บริษัท เวิร์คพอยท์ แจ้งผลประกอบการของ ไตรมาส 3 /2563 ต่อตลาดหลักทรัพย์ พบว่า รายได้รวมของบริษัท อยู่ที่ 560.66 ล้านบาท ลดลง109.68 ล้านบาท หรือ 16.36% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2562 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 670.34 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 75.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.02 ล้านบาท หรือ 73% จาก ไตรมาส 3 / 2562
รายได้หลักของเวิร์คพอยท์ ยังคงเป็นกลุ่มรายได้จากรายการโทรทัศน์ไตรมาส 3 /2563 มีรายได้ส่วนนี้ 443.76 ล้านบาท อยู่ที่ 79 % ของรายได้รวม ลดลง 114ล้านบาท จากรายได้ไตรมาส 3 / 2562 มีรายได้อยู่ที่ 558.34 ล้านบาท ซึ่งเวิร์คพอยท์ชี้แจงว่ารายได้ส่วนนี้ลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว จาก การแพร่ระบาดของโควิด-19 และ การลดลงจากการจำหน่ายลิขสิทธิ์รายการไปต่างประเทศ
กลุ่มรายได้จากรายได้จากคอนเสิร์ตและละครเวที และ การรับจ้างจัดงาน ลดลงมากที่สุด มีสาเหตุมาจากการงดจัดกิจกรรมและคอนเสิร์ตตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รายได้ในไตรมาส 3 มีการชะลอตัวลง โดยกลุ่มรายได้จากคอนเสิร์ตและละครเวทีลดลง 68.56 % และกลุ่มรายได้จากการรับจ้างจัดงานลดลง 40.55 % แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองกลุ่มนี้มีสัดส่วนรายได้เพียงแค่ 2.2%และ 3.7%ของรายได้รวม
ส่วนรายได้จากการขายสินค้าและบริการอื่นรายได้ส่วนนี้ สัดส่วน อยู่ที่ 15 % ของรายได้รวม ไตรมาส 3/ 2563 พบว่า มีรายได้อยู่ที่ 83.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.13 ล้านบาท หรือ 122% จากไตรมาส 3 ปี 2562 ที่มีรายได้อยู่ที่ 37.51 ล้านบาท (รายได้จากการขายสินค้าและบริการอื่นประกอบด้วย รายได้จากการจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ และสินค้าจากพันธมิตร รวมถึงรายได้จากการให้บริการเช่าพื้นที่โรงละครและรายได้จากการบริการจัดหานักแสดง ) ซึ่งเวิร์คพอยท์อธิบายว่าการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการประชาสัมพันธ์เพื่อจำหน่ายสินค้าให้แก่บุคคลภายนอกเป็นหลัก
เวิร์คพอยท์ชี้แจงว่า ไตรมาสนี้บริษัทได้มีการลดต้นทุนการผลิตลงได้มาก โดยมีต้นทุนการผลิต 315.18 ล้านบาท ลดลง 107.25 ล้านบาท หรือ25% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีที่แล้ว ตามนโยบายลดต้นทุนเพื่อรับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกรณีโควิด-19 และได้อานิสงค์จากมาตราการช่วยเหลือภาครัฐในการปรับลดอัตราการนำล่งเงินรายปีเข้ากองทุนวิจัยและ พัฒนาของ กสทช. (USO Fund) นอกจากนี้ยังมีการลดค่าใช้จ่ายในการบริหารได้ถึง 12% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วด้วย