เช็คเรตติ้ง 4 ปีทีวีดิจิทัลใครรุ่ง ใครร่วง
เกือบ 4 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก นั่นคือความรู้สึกของคนที่มีความสุข แต่สำหรับคนที่ต้องต่อสู้อย่างหนักบอกได้คำเดียวว่า “เหนื่อย” อารมณ์นี้รับรองได้ว่าเกิดขึ้นกับคนในวงการทีวีดิจิทัลตั้งแต่ปี 2557
ความเหนื่อยเกิดขึ้นกับคนในวงการแม้อยู่ในช่องใหญ่ เพราะยิ่งเวลาผ่านไปเรตติ้งก็ยิ่งหดหาย ส่วนช่องขนาด กลาง เล็ก ก็ต้องเร่งให้ได้เรตติ้งเพื่อมีรายได้มากพอกับค่าใช้จ่าย ท่ามกลางคนดูทีวีลดลง เพราะหันไปดูมือถือมากขึ้น
ก่อนปี 2557 คนไทยมีฟรีทีวีให้ดู 6 ช่อง คือ 3 5 7 9 อสมท 11 หรือเอ็นบีที และไทยพีบีเอส เรตติ้งก็เฉลี่ยกันไป แต่ที่ได้สูงสุดทั้งในแง่เรตติ้งและรายได้คือช่อง 3 และช่อง 7 ซึ่งปี 2557 ที่เป็นปีแรกที่เริ่มมีทีวีดิจิทัล ทำให้ผู้ชมมีทางเลือกดูฟรีทีวีได้มากขึ้นกว่า 20 ช่อง
ปีแรกของทีวีดิจิทัล ช่องหน้าใหม่เพิ่งเริ่มเดินเครื่อง เรตติ้งของช่องเดิมจึงลดลงยังไม่มาก โดยช่อง 7 ยังได้เรตติ้งทะลุ 3 และช่อง 3 ทะลุ 2 แต่หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ลดลง
หากคิดเป็นจำนวนนาทีเฉลี่ยในการรับชมต่อผู้ชม โดยรวม ๆ ผู้ชมยังดู 6 ช่องเดิมมากกว่า แต่นับตั้งแต่ปี 2558 จำนวนนาทีก็ลดลง และผู้ชมหันมาดูช่องดิจิทัลใหม่ ๆ มากขึ้น
เปรียบเทียบได้ชัดเจนคือปี 2558 มีผู้ชม 6 ช่องเดิมเฉลี่ย 148 นาทีต่อวันต่อคน ผู้ชมช่องดิจิทัลใหม่ 94 นาทีต่อวันต่อคน ล่าสุดเดือนมี.ค.2561 ผู้ชมช่องเดิมเหลือเวลา 122 นาที และผู้ช่องดิจิทัลใหม่เวลาเพิ่มเป็น 150 นาที
เมื่อดูเรตติ้งจะพบว่าเรตติ้งช่องเดิมของปี 2560 ก็ลดลงมากเมื่อเทียบกับปี 2558 อย่างเช่นช่อง 7 ปี 2558 มีเรตติ้ง 2.742 แต่ปี 2560 เหลือ 2.114 ช่อง 3 ปี 2558 ได้ 1.941 ปี 2560 เหลือ 1.348 ซึ่งกรณีช่อง 3 มีลุ้นต่อว่ากระแสบุพเพสันนิวาสที่ทำให้ช่อง 3 ฟื้นเรตติ้งในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาได้มากนั้น จะส่งแรงไปพยุงไปถึงรายการอื่นพาให้เรตติ้งดีทั้งปีหรือไม่
สำหรับช่องทีวีดิจิทัลใหม่ 21 ช่องนั้น มี 2 ช่องได้จากลาจอดำ คืนใบอนุญาตไปแล้ว คือของกลุ่มไทยทีวี ที่มีช่องข่าวไทยทีวี และช่องเด็กโลก้า จึงเหลือ 19 ช่องหน้าใหม่ที่เบียดช่องใหญ่เดิมอยู่ ส่วนใหญ่เรตติ้งดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่มี 7 ช่อง ที่เรตติ้งน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2558 จำนวนนี้เป็นช่องข่าวถึง 5 ช่องคือ นิวทีวี ทีเอ็นเอ็น เนชั่นทีวี สปริงนิวส์ และวอยซ์ทีวี ส่วนอีก 2 ช่องคือ 3 แฟมิลี่ และทรูโฟร์ยู ที่อยู่ในกลุ่มตัวเลขเรตติ้งลดลง
