ผลประกอบการ ปี 2562 ของ บริษัท ทรูโฟร์ ยู จำกัด ซึ่ง เป็น บริษัท ลูกของ บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการ ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า รายได้รวม 591.42 ล้านบาท ลดลง 28.9 % และ ขาดทุน 363.69 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 14.45 % เมื่อเปรียบเทียบปี 2561 ในปี 2562 กลุ่มธุรกิจทีวีดิจิทัลอื่น ส่วนใหญ่ มีรายได้ลดลง มีสาเหตุมาจากสภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันรุนแรง และ เม็ดเงินโฆษณาลดลง ทรูโฟร์ยู ก็มีรายได้ ลดลงมากขึ้น และ ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นอีกด้วย และ เป็นการขาดทุนมากที่สุดในรอบ 3 ปี ทรูโฟร์ยู สามารถควบคุม ค่าใช้จ่าย และ ต้นทุนได้ดี โดย ลดไป 7.87 % แต่ รายได้โฆษณา ของทรูโฟร์ยู ลดลง อย่างมาก เมื่อเทียบกับปีก่อน มีสาเหตุมาจากสภาวะเศรษฐกิจ การแข่งขันรุนแรง
จากข้อมูล กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า รายได้รวมช่อง ทรูโฟร์ ยู ตั้งแต่ปี 2557 มีรายได้ดังนี้ ปี 2557 ซึ่งเป็นปีแรกที่มีช่องทีวีดิจิทัลเข้ามาแข่งใหม่ 24 ช่อง ปี 2557 มีรายได้ 275.49 ล้านบาท ปี 2558 รายได้ 601.88 ล้านบาท ปี 2559 รายได้ 726.02 ล้านบาท ปี 2560 รายได้ 794.38 ล้านบาท และ ปี 2561 รายได้ สูงสุด 831.90 ล้านบาท ทรูโฟร์ ยู ยังไม่เคยมีกำไร ตั้งแต่ปี 2557 โดยขาดทุนสูงสุด ในปี 2559 ขาดทุน 633.79 ล้านบาท และขาดทุนลดลง เกีอบ 50 % ในปีถัดมา หลังจากนั้น ทรูโฟร์ ยู มีแนวโน้มการขาดทุนคงที่ลดลงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ตามในรอบ 6 ปี ของช่องทีวีดิจิทัล ทรูโฟร์ ยู ขาดทุนสะสม ถึง 2,182.7 ล้านบาท
ส่วนรายได้เฉพาะธุรกิจทีวีดิจิทัลช่องทรูโฟร์ยู ที่แจ้งไว้กับสำนักงานกสทช.ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมานั้น มีรายได้ปี 2557 อยู่ที่ 274 ล้านบาท ปี 2558 รายได้ 585 ล้านบาท ปี 2559 จำนวน 722 ล้านบาท ปี 2560 รายได้ 780 ล้านบาท และปี 2561 รายได้ 765 ล้านบาท แต่ยังไม่แจ้งรายได้ของปี 2562
ทรูโฟร์ ยู ช่องทุนหนาระดับมหาเศรษฐี มีลิขสิทธิ์รายการต่างประเทศชั้นดีมากมาย ทั้งรายการ วาไรตี้ เกมโชว์ รวมทั้งสร้างละครฟอร์มยักษ์เป็นระยะ แต่ก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร รวมทั้งการถ่ายทอดฟุตบอลไทยลีก ที่เคยได้รับความนิยม แต่ช่วงนี้ความนิยมก็ไม่คึกคักอย่างในอดีต ในภาพรวมปี 2562 ทรูโฟร์ ยู มีเรตติ้ง เฉลี่ยอยู่ที่ 0.101อยู่ในอันดับ 15 ลดลง จากเรตติ้งเฉลี่ย 0.142 ในปี 2561 ที่อยู่ในอันดับ 13 เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สถานะการณ์ Covid-19 จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสาคัญกับ ช่อง ทรูโฟร์ ยู ในปี 2563 ผลประกอบการบริษัทอาจขาดทุนมากขึ้นอีก การถ่ายทอดฟุตบอลไทยลีก ไม่คึกคักอย่างในอดีต พักการแข่งขันไปหลายเดีอน รวมทั้งยังไม่มีคอนเทนต์ที่น่าดึงดูดผู้ชม