ช่วงปลายปี 2562 ช่วงเวลาที่บรรดาช่องทีวีดิจิทัลส่วนใหญ่ ไม่จัดคอนเทนต์แรงลงสู้ เพราะเป็นช่วงที่มีเม็ดเงินโฆษณาน้อยที่สุดช่วงหนึ่งของปี แม้ในกลุ่มช่องใหญ่ก็ต้องลดต้นทุนด้วยการจัดคอนเทนต์เก่าลงผังแทน และนับเป็นครั้งแรกที่ช่อง 7 ต้องหันมานำละครรีรัน ลงผังช่วงเวลาไพรม์ไทม์
ในปี 2562 ช่อง 7 มีละครที่ประสบความสำเร็จสูงสุด 3 เรื่อง “ผู้บ่าวอินดี้ ยาหยีอินเตอร์” มี “เวียร์ ศุกลวัฒน์” พระเอกเบอร์ 1 ของช่องการันตีความสำเร็จ “สารวัตรใหญ่” และ “มธุรสโลกันตร์” เป็นละครที่ทำเรตติ้งในตอนจบได้เกิน 10 โดยมีเรตติ้ง 11.391 11.291 และ 11.084 และมีเรตติ้งเฉลี่ยทั้งเรื่องอยู่ที่ 8.538 8.022 และ 7.680 ตามลำดับ
“สารวัตรใหญ่” เป็นละครเปิดตัวในต้นปี ที่ทำเรตติ้งได้สูงสุด ส่วน “ผู้บ่าวอินดี้ ยาหยีอินเตอร์” มาแรงในช่วงกลางปี และ “มธุรสโลกันตร์” มาปิดท้ายช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี แต่ช่อง 7 เลือกที่จะหยิบเอา “สารวัตรใหญ่”มารีรัน ซึ่งอาจจะมีเหตุผลมาจากหลายปัจจัย เพราะละครได้ออกอากาศไปตั้งแต่ต้นปี ในขณะที่อีก 2 เรื่องออกอากาศไปได้ไม่นาน อีกทั้งช่วงปลายปีการเลือกละครน้ำดี มีสาระ ส่งเสริมการทำงานของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จึงอาจจะมองว่าเหมาะสมกับช่วงเทศกาล
ในขณะที่ช่อง 3 แม้ปีนี้ จะมีละคร “กรงกรรม” และ “ทองเอก หมอยาท่าโฉลง” ได้รับความสำเร็จสูงสุดของช่อง แต่ช่อง 3 ได้ใช้ละครทั้งสองเรื่องรีรันในช่วงเย็นในปีนี้ไปแล้ว ในขณะที่ละครเรื่องอื่นๆในปีนี้ ที่มาแรงก็มี “กลิ่นกาสะลอง” แต่เนื้อเรื่องดราม่าแรง อาจจะไม่เหมาะกับช่วงเทศกาลรื่นเริง จึงอาจจะเป็นเหตุผลให้ช่อง 3 ตั้งใจวางละคร “บุพเพสันนิวาส” มาออนแอร์เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 2 ปี
การรีรัน“สารวัตรใหญ่” เริ่มต้นเรตติ้งได้อย่างสวยงาม ออนแอร์ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค.ในช่วงศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ทำเรตติ้งได้สูงสุดในช่วงเวลาที่ออกอากาศในแต่ละวัน มีเรตติ้งใน 6 ตอนแรก 4.743 5.434 4.613 4.852 5.319 และ 6.288
แต่มาเพลี่ยงพล้ำ ให้กับ “บุพเพสันนิวาส” ตั้งแต่ตอนที่ 7-14 ที่ออนแอร์ชนกัน “สารวัตรใหญ่” มีเรตติ้งลดลงมาอยู่ที่ 5.619 5.375 4.616 3.867 4.481 3.738 4.954 และ 5.482 ตามหลังละคร “บุพเพสันนิวาส” ก่อนที่ “สารวัตรใหญ่” จะกลับมาแรง แก้ตัวได้ในตอนจบ โดยที่ “สารวัตรใหญ่” ที่พลิกเอาชนะ “บุพเพสันนิวาส” ได้ ด้วยเรตติ้ง 6.565 ต่อ 6.325
แม้ว่า “สารวัตรใหญ่” รอบรีรัน ทำเรตติ้งไม่ได้สูงมากนัก แต่ก็ทำเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 5.062 มีฐานผู้ชมหลักอยู่ในภาคอีสาน 6.307 ส่วนกรุงเทพฯรับชมน้อยที่สุด 3.612 มีกลุ่มผู้ชมอายุมากกว่า 50 ปีรับชมสูงสุดถึง 7.047
“ออเจ้า” รอบ 3 เรตติ้งเฉลี่ย 5.784 ลดลงเล็กน้อยจากรอบ 2
สำหรับละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่ทำเรตติ้งเฉลี่ยสูงสุดของยุคทีวีดิจิทัล จากการออกอากาศรอบแรก ในช่วง 21 ก.พ.-21 เม.ย.2561 จำนวน 15 ตอน ด้วยเรตติ้งเฉลี่ย 13.384 และมีเรตติ้งตอนจบอยู่ที่ 18.633
ช่อง 3 จัดมารีรัน ในช่วงละครเย็นในปีเดียวกัน ระหว่างวันที่ 11 พ.ค – 20 ก.ค.61 แต่ขยายตอนออกเป็น 16 ตอน ทำเรตติ้งเฉลี่ยได้ 5.803 ตอนที่ทำเรตติ้งสูงสุดได้ 6.932 และมีเรตติ้งตอนที่ต่ำสุดอยู่ที่ 4.390
แต่การนำมารีรันอีกครั้งในช่วงเทศกาลปีใหม่รับปี 2563 นี้ ได้เรตติ้งเฉลี่ย 5.784 ไม่ได้ลดลงจากครั้งที่ 2 มากนัก มีเรตติ้งตอนสูงสุดอยู่ที่ 7.526 สูงกว่ารีรันช่วงละครเย็น และเรตติ้งต่ำสุด 3.370 ต่ำกว่าช่วงรีรันเย็น
กลุ่มผู้ชมในพื้นที่กรุงเทพฯยังเป็นผู้ชมหนาแน่นสำหรับละครเรื่องนี้ ไม่ว่าออกอากาศกี่ครั้ง แต่กลุ่มผู้ชมภาคอื่นๆเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง จากครั้งแรกที่ภาคอีสานเป็นภาคที่มีผู้รับชมน้อยที่สุด แต่ในการออนแอร์ครั้งที่ 3 นี้ ภาคใต้เป็นภาคที่มีผู้รับชมน้อยที่สุด รองลงมาคือภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคกลาง และฐานผู้ชมผู้หญิง ยังเป็นผู้ชมละครเรื่องนี้เป็นหลักเหมือนเดิม ช่วงอายุที่รับชมมากที่สุดในรอบล่าสุดนี้ เป็นช่วงอายุ 40-44 ปี ได้เรตติ้ง 7.650 และกลุ่มที่รับชมน้อยที่สุด เป็นช่วงอายุ 20-24 ปี
โดยสรุปทั้ง 2 เรื่องมีฐานผู้ชมที่แตกต่างกัน ตามฐานผู้ชมหลักของช่อง ช่อง 7 ได้ฐานผู้ชมในต่างจังหวัดโดยเฉพาะภาคอีสานละภาคใต้ ด้วยละครแนวแอคชั่นที่ถูกใจฐานผู้ชมช่อง ในขณะที่ช่อง 3 ยังคงจับกลุ่มคนเมืองเป็นหลัก
นับว่าเป็นโชคไม่ดีของ “สารวัตรใหญ่” ที่ต้องมาเจอกับ “บุพเพสันนิวาส” ที่เป็นละครปรากฏการณ์ของยุคทีวีดิจิทัล หากเป็นละครรีรันเรื่องอื่นของช่อง 3 มาออนแอร์พร้อมๆกันแบบนี้ ไม่น่าจะเอาชนะ“สารวัตรใหญ่”ได้
ทั้งนี้ประเมินได้ว่า ช่อง 3 ตั้งใจเก็บอาวุธเด็ดมาใช้เพื่อการนี้ เป็นการมาถูกที่ถูกเวลา เพราะเป็นเทศกาลแห่งความสุข ซึ่งดูจาก feedback ของผู้ชมเป็นเช่นนั้น
ในปี 2563 ก็ขอให้ทั้งช่อง 7 และช่อง 3 ผลิตละครที่ดี สร้างสาระและความสุข มาให้ผู้ชมได้เลือกรับชมต่อไป