ครม.ผ่านร่างพรบ.กสทช.แก้ไขคุณสมบัติ สมัครบอร์ด กสทช. รอส่งเข้าสภาฯ

กสทช.

 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (พรบ.กสทช.) ซึ่งเป็นร่างแก้ไขพรบ.กสทช.ปี 2553 โดยสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเรื่องขั้นตอนการคัดเลือก และคุณสมบัติของผู้เข้าสมัครเป็นบอร์ด กสทช. ซึ่งครม.จะส่งให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ต่อไป

สำหรับเหตุผลในการแก้ไขพรบ.กสทช.ครั้งนี้ เกิดขึ้นจาก พรบ.กสทช.(ฉบับที่ 2) ปี 2560 ที่ได้ประกาศไช้ไปแล้ว ซึ่งมีสาระสำคัญในการกำหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติ วิธีการสรรหาคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นคณะกรรมการกสทช.(บอร์ดกสทช.) แต่ได้เกิดสภาพปัญหาในทางปฏิบัติ ไม่สามารถสรรหาและคัดเลือกบุคคลได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และมีข้อร้องเรียบในการคุณสมบัติต้องห้ามของผู้ได้รับการคัดเลือกในรอบที่แล้วจำนวนมาก จึงเห็นสมควรให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมพรบ.กสทช.อีกครั้ง เพื่อให้สามารถสรรหากรรมการกสทช.ชุดใหม่ได้

สำหรับรายละเอียดของการแก้ไขคุณสมบัติที่สำคัญของผู้สมัครบอร์ด กสทช.จะต้องมีลักษณะเฉพาะดังนี้

1.รับราชการหรือเคยรับราชการตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองอธิบดีผู้พิพากษา รองอธิบดีศาลปกครองชั้นต้น  ตุลาการพระธรรมนูญรองหัวหน้าศาลทหารกลาง  หรือรองอธิบดีอัยการ

2.เคยหรือเป็นข้าราชการพลเรือนหน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับกรมขึ้น หรือรองหัวหน้าหน่วยงานอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคลหรือรัฐวิสาหกิจ หรือเทียบเท่า หรือเป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานอื่นของรัฐที่เป็นนิติบุคคลหรือรัฐวิสาหกิจ

3.เป็นหรือเคยเป็นนายทหาร หรือนายตำรวจที่มียศตั้งแต่พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี หรือพลตำรวจตรีขึ้นไป

4.ดำรงตำแหน่ง หรือเคยดำรงตำแหน่งรองศาสตราจารย์ขึ้นไป

5.เป็นหรือเคยเป็นผู้บริหารมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ในตำแหน่งไม่ต่ำกว่า รองกรรมการผู้จัดการในบริษัทมหาชนจำกัด ที่มีทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท

6.มีประสบการณ์ด้านการบริการกิจการกระจายเสียง โทรทัศน์ และโทรคมนาคมอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่องมาแล้วไม่น้อยกว่า 20 ปี

7.มีประสบการณ์ทำงานในด้านที่จะยังประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกสทช. ตามที่คณะกรรมการสรรหากำหนด มาแล้วรวมกันไม่น้อยกว่า 20 ปี

ขั้นตอนการรับสมัครคัดเลือกให้สำนักเลขาธิการวุฒิสภาประกาศรับสมัครทางสื่อต่างๆอย่างน้อย 30 วัน และคณะกรรมการสรรหาจะต้องใช้เวลาสรรหาเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติที่จะเป็นกรรมการกสทช.ภายใน 30 วันนับจากวันที่ได้รับรายชื่อผู้สมัครจากสำนักเลขาธิการวุฒิสภา โดยการคัดเลือกให้ใช้วิธีลงคะแนนโดยเปิดเผยและบันทึกเหตุผล โดยจะต้องได้คะแนนเสียง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการสรรหา หากได้จำนวนไม่ครบ ให้มีการลงคะแนนอีกครั้ง หากยังไม่ได้อีก ให้ดำเนินการสรรหาใหม่เฉพาะจำนวนที่ยังขาดอยู่

ทั้งนี้กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการกสทช. ให้เป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการสรรหาเป็นผู้วินิจฉัย ที่คำวินิจฉัยของกรรมการสรรหาให้เป็นที่สุด

หากมีการฟ้องร้องกันในระหว่างการคัดเลือก จะไม่มีการระงับหรือชลอการดำเนินการคัดเลือก แต่หากมีคำสั่งศาลพิพากษาให้บุคคลขาดคุณสมบัติ จะไม่มีผลกระทบต่อกิจการที่บุคคลนั้นได้กระทำไปแล้วก่อนมีคำพิพากษา

เมื่อมีการส่งรายชื่อบุคคลที่ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาไปที่วุฒิสภานั้น ผู้รับเลือกจะต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาด้วยคะแนนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกวุฒิสภา หากวุฒิสภาไม่ให้ความเห็นชอบผู้ใด ให้ดำเนินการสรรหาบุคคลใหม่แทน แล้วเสนอต่อวุฒิสภาใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา จะเข้ารับการสรรหาในครั้งใหม่ได้ได้

เมื่อได้กรรมการกสทช.ใหม่ทั้งชุด หรือเลือกกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยมีประธานกรรมการ และมีกรรมการเหลืออยู่ไม่ถึง 4 คน เมื่อมีผู้ได้รับเลือกจากวุฒิสภาไม่น้อยกว่า 5 คนแล้ว หรือมีผู้ได้รับคัดเลือกรวมกับคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ไม่น้อยกว่า 5 คน ให้มีการประชุมของผู้ได้รับคัดเลือกและผู้ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ร่วมกันเพื่อเลือกกันเองหนึ่งคน เป็นประธานกรรมการ แล้วแจ้งนายกรัฐมนตรีเพื่อกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว กรรมการจึงเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้

ส่วนกรรมการที่ได้รับเลือกจากการสรรหาเพิ่มเติม ให้มีวาระดำรงตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการที่ดำเรงตำแหน่งอยู่ แต่ในกรณีที่มีวาระที่เหลืออยู่ไม่ถึง 3 ปี ให้ผู้นั้นมีสิทธิได้รับการแต่งตั้งอีกวาระหนึ่งได้

และมาตรา 10 ระบุว่า ให้กรรมการกสทช.ที่ดำรงตำแหน่งปัจจุบันปฏิบัติหน้าที่อยู่ในวันก่อนที่พรบ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ยังดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมีคณะกรรมการกสทช.ที่มาจากคัดเลือกตามพรบ.ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมนี้

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงขั้นแรกของการร่างแก้ไขพรบ.กสทช. ซึ่งคาดว่าในขั้นตอนการพิจารณากฎหมายในสภาฯ จะสามารถมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอีก กว่าพรบ.ทั้งฉบับจะผ่านสภาฯ คงต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ปี กว่าจะมีร่างพรบ.กสทช.ฉบับแก้ไขออกมา ซึ่งเท่ากับว่ากรรมการกสทช.ชุดปัจจุบัน ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

สำหรับบอร์ดกสทช.ชุดปัจจุบัน เข้ารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2554 ตามกฎหมายมีวาระ 6 ปี แต่เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2561มีคำสั่งคสช. ที่ 7/2561 ให้ระงับกระบวนการสรรหา และให้บอร์ดกสทช.ดำรงตำแหน่งต่อไป จนกว่าคสช.จะมีคำสั่งอย่างอื่น และวันที่ 13 มิ.ย.2562 มีคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 7/2562 เป็นครั้งที่ 2 ที่คสช.มีคำสั่งให้บอร์ดกสทช.ชุดปัจจุบันดำรงตำแหน่งต่อไป จนกว่าจะมีการแก้ไขพรบ.กสทช.เสร็จเรียบร้อย

รายชื่อบอร์ดกสทช.ทั้ง 6 คนชุดปัจจุบัน ประกอบไปด้วย พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร, พ.อ.นที ศุกลรัตน์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ ร.ศ.ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ ผ.ช.ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ และ นายแพทย์ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา

ที่มา : https://www.tvdigitalwatch.com/wp-content/uploads/2019/10/news-nbtc-29-10-62.pdf

Tagged